รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
โพสต์เล่าอาการของ นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าจังหวัดสมุทรสาคร ไว้ยาวเลยค่ะ เเต่อ่านกันเถอะ จะเห็นมุมน่ารัก ของ พ่อเมืองสาคร เเละ คุณหมอนิธิพัฒน์ ที่คนหนึ่ง แอบดื้อ อีกคน ก็คอยหาวิธีดูเเล
พร้อมเล่าถึงปาฏิหาริย์ การฟื้นตัวของ ผู้ว่าสมุทรสงคราว ที่เกินจริง
คุณหมอนิธิพัฒน์ เล่าว่า
อาจยังมีคนที่คลางแคลงว่า พ่อเมืองสาคร จะกลับไปปฏิบัติหน้าที่ได้สมบูรณ์ดังเดิมหรือ
วันนี้จึงได้ร่วมสังเกตการณ์ใกล้ชิดในระหว่างการออกกำลังกายประจำวันภายใต้การควบคุมของนักกายภาพบำบัด โดยมีเครื่องมือติดตามการแลกเปลี่ยนก๊าซอยู่ตลอดเวลา รับรองว่าหากเป็นตามแผนการฟื้นฟูอย่างเข้มข้นนี้ สมรรถภาพร่างกายของท่านต้องกลับมาใกล้เคียงเดิมอย่างแน่นอน
ย้อนไป 10 วันก่อน คืนและวันของท่านผู้ว่าสาคร อยู่ได้ด้วยการเสริมความเข้มข้นออกซิเจนในอากาศที่ใช้หายใจให้อยู่ระหว่าง 27-30% (ออกซิเจนในบรรยากาศรอบตัวเราปกติอยู่ที่ 20.9%) เพื่อให้ระดับความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดอยู่ระหว่าง 92-94% (คนปกติมีค่าอย่างน้อย 95%) เพื่อให้เพียงพอกับการใช้งานของเนื้อเยื่อต่างๆ ทั่วร่างกาย
คุณหมอบอกว่า จนถึงตอนนี้เเล้ว ในระหว่างนอนกลางคืน ผู้ว่าคนเก่ง ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ สายออกซิเจนเเล้ว
เเต่โดยทั่วไปกรณีผู้ป่วยปอดอักเสบรุนแรงที่ฟื้นตัวดีเช่นนี้ แพทย์อาจให้กลับบ้านไปพักฟื้นต่อ พร้อมให้ใช้ออกซิเจนชั่วคราวที่บ้านจนหมดข้อบ่งชี้
แต่ในกรณีของท่านนี้ ทีมศิริราชห่วงว่าหากส่งบุคคลที่หายใจเข้าออกเป็นงานเป็นการกลับคืนถิ่นเร็วไป ด้วยความไม่ยอมอยู่นิ่งของท่าน คงหาเรื่องทำโน่นนี่นั่นไปเรื่อย จนร่างกายอาจฟื้นตัวกลับมาได้ไม่เต็มที่
จึงขอเวลาแฟนคลับอดใจรอกันอีกระยะหนึ่ง และยังขอให้งดเยี่ยมแบบต่อหน้าและผ่านสื่อต่างๆ ไปอีกระยะก่อน
อีกอย่างภูมิต้านทานของร่างกายก็ยังไม่สมบูรณ์ทีเดียวนัก จึงอาจมีการติดเชื้อแทรกซ้อนจากสภาพแวดล้อมรอบตัวได้ง่ายรวมถึงการติดโควิดซ้ำใหม่ และด้วยเหตุนี้ทำให้ท่านอยู่ในข่ายต้องได้รับวัคซีนโควิดเช่นเดียวกับกลุ่มเสี่ยงอื่น
นี่ขนาดอยู่ในช่วงขอตัวไว้ในโรงพยาบาล คนใกล้ชิดยังนินทาว่ามีการแอบสั่งงานทางโทรศัพท์ให้เข้าหู
คุณหมอ เขียนเล่าต่อว่า
แม้ว่า ผู้ว่าฯ ร่างกายจะฟื้นกลับมาแล้วหลายส่วน แต่การกลับไปทำหน้าที่พ่อเมืองอย่างสมบูรณ์ยังต้องอาศัยการกักตุนซ่องสุมพละกำลังทั้งกายและใจอีกพอควร
ทีมศิริราชและครอบครัววิจิตร์แสงศรีจึงวางแผนร่วมกันว่า ในอีกไม่นานนี้ท่านคงจะต้องโบกมืออำลาจากศิริราชแล้ว โดยวางแผนว่าจะไปแสดงตัวให้พี่น้องชาวสมุทรสาครและลูกน้องในสังกัดประจักษ์ในศักยภาพที่หวนกลับคืนมา จากนั้นคงจะเอางานบางส่วนกลับไปทำที่บ้านพักที่อ่างทองในระหว่างที่ร่างกายยังไม่คืนกลับมาเต็มร้อย
เมื่อพร้อมเต็มที่ปูตัวนี้ที่แข้งขาไม่ค่อยยอมอยู่สุข จะได้กลับสู่ สมุทรสาครอย่างถึงพร้อมให้สมกับที่มีการเฝ้ารอคอย เพื่อออกเดินทางเยี่ยมเยียนรับรู้เรื่องราวความเป็นไปของบ้านเมืองที่รับผิดชอบให้ถ้วนทั่วในทุกตารางนิ้ว
คุณหมอเล่าต่อถึง เบื้องหลังความสำเร็จของผู้ว่าสมุทรสาคร
เบื้องหลังความสำเร็จของเอกบุรุษในทั่วหล้า หากสำรวจกันดูอย่างจริงจังและรอบด้านด้วยใจเป็นธรรมแล้ว มิอาจปฏิเสธได้ว่าส่วนใหญ่ล้วนมีสตรีหนุนช่วยอยู่เบื้องหลัง
ไม่ต่างจากพ่อเมืองสาครที่พวกเราห่วงใยกันอยู่
คราวิกฤตสุขภาพครั้งแรกจากโรคหลอดเลือดสมองเมื่อปี 2548 จนทำให้ร่างกายซึกขวาเป็นอัมพาต หลังการผ่าตัดสมองน้อยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ยังต้องทำกายภาพบำบัดต่อเนื่องยาวนานกว่า 6 เดือน จึงจะสามารถกลับมาเคลื่อนไหวได้ใกล้เคียงเดิม แต่ร่างกายด้านขวาก็ยังมีข้อจำกัดอยู่บ้างจนทำงานไม่ได้ดั่งใจ จึงต้องมีการฝึกฝนการใช้มือซ้ายทดแทนในทุกเรื่องและเป็นที่มาของตัวหนังสือสวยงามที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน
ผู้ที่คอยเคียงข้างให้กำลังใจและร่วมต่อสู้ไม่ห่างหายก็คือ คู่ชีวิตคู่ทุกข์คู่ยาก…สตรีคนนี้ จนสามารถกลับไปปฏิบัติหน้าที่นายอำเภอวิเศษชัยชาญได้อย่างสมบูรณ์ และก้าวหน้าต่อไปจนเป็นผู้ว่าราชการต่อเนื่องหลายจังหวัด จวบจนมาถึงสมุทรสาคร
ในวิกฤตสุขภาพคำรบสองนี้ แม้ช่วงเดือนแรกจะขาดการสนับสนุนจากภรรยาท่านไปบ้างเพราะเจ้าตัวก็เกิดวิกฤตสุขภาพเช่นกัน แต่ก็ยังพออาศัยกำลังหนุนจากลูกสาวคนโตและน้องๆ อีกสามคน
จนเมื่อแม่ศรีเรือนกลับมาทำหน้าที่ได้เต็มกำลัง การฟื้นตัวแบบดูเหนือจริงจึงค่อยก่อรูปขึ้น ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ จากการเป็นผู้ป่วยติดเตียงชั่วคราว สามารถเปลี่ยนผ่านไปสู่ผู้ป่วยที่ไม่ยอมอยู่นิ่งในเตียง และล่าสุดกลายมาเป็นผู้ป่วยอยู่นอกเตียงเป็นส่วนใหญ่
อีจันเป็นกำลังใจให้ผู้ว่าสมุทรสาคร นะคะ ขอให้ดีวันดีคืน กลับมาเป็นปู ที่เเข็งแกรงเร็วๆนะคะ เเละเป็นกำลังใจให้ครอบครัว ผู้อยู่เบื้องหลังการดูเเลฟื้นตัวของผู้ว่า
เเละยิ่งไปกว่านั้นคือ ทีมเเพทย์ ที่คอยดูเเลผู้ว่า เเละผู้ป่วยทุกคนอย่างดี