เส้นทางชีวิตของ จักรทิพย์ ชัยจินดา กับชีวิตที่ไม่เคยคิดเป็น ผบ.ตร.

เปิดใจ บิ๊กแป๊ะ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา จากตำรวจธรรมดา สู่ ผบ.ตร. เปรียบชีวิตเหมือนการลงสนามแข่ง กลัวที่สุดคือการใส่ร้ายป้ายสี ความไม่เป็นธรรม

อีจันมีโอกาสได้คุยกับ บิ๊กแป๊ะ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. หลังเอาข้าวสารอาหารเเห้ง มาบริจาคช่วยเหลือโครงการเเม่ตกงานลูกอดนมเเละกล่องกำลังใจช่วยคนไทยที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19

เราเลยขอ ล้วง ลึก ถึงเส้นทางชีวิต เพราะตอนที่เป็นตำรวจเข้าถึงยากมาก!

พี่แป๊ะ เล่าให้เราฟังว่า ตั้งแต่จำความได้ครอบครัวให้อิสระกับตนเองมาก ส่วนตัวเป็นคนเรียนไม่เก่งเลย เป็นเด็กหลังห้องด้วยซ้ำ พอถูๆไถๆไป ส่วนใหญ่ชอบเด่นด้านกีฬามากกว่า ตอนเด็กมีความฝันอยากรับราชการ อยากเป็นทหาร ไม่ก็ตำรวจ พอเราถามถึงแรงจูงใจว่าทำไมถึงอยากรับราชการ พี่แป๊ะ ก็ตอบอย่างมั่นใจว่า เพราะความมีวินัย และอยากรับใช้ประเทศชาติ

เส้นทางของการเป็นตำรวจไม่ง่าย เมื่อมีความฝันอยู่แล้ว พี่แป๊ะก็ตั้งใจ ทุกอย่างยากหมด แต่อยู่ที่เราจะตั้งใจ ทุ่มเทขนาดไหน ในช่วงนั้นก็มีสอบเอนทรานซ์เหมือนกัน เพราะใจลึกๆ อยากจะเรียนที่จุฬาลงกรณ์วิทยาลัย แต่สุดท้ายประกาศผลออกมาติดตำรวจ จึงเลือกเดินเส้นทางนี้

ความรู้สึกครั้งแรกที่ได้ประดับยศ

“เชื่อว่าทุกคนมีความรู้สึกเดียวกัน ดีใจ ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตของการเป็นนายตำรวจ คือ การได้ประดับยศ” นี่คือความรู้สึกแรก หลังจากที่เข้านักเรียนนายร้อยตำรวจ ระดับชั้นประทวน ในขณะนั้นไม่เคยมีความคิดในหัวเลยว่าจะต้องโตขึ้นไปเป็น ผบ.ตร. เพราะหนทางมันอีกยาวไกลมาก และแต่ละขั้นตอนการเเข่งขันสูงมากๆ

ช่วงที่ได้รับยศ พล.ต.ท. ตอนนั้นถึงมานั่งคิด เพราะดูจากเพื่อนๆ พี่ๆ ที่อยู่ข้างๆ เหลือไม่กี่คนแล้ว บันไดที่จะขึ้นไปสู่จุดนั้นใกล้เข้ามา ทุกคนพร้อมที่จะเป็น ผบ.ตร. หมด แต่ส่วนตัวเชื่อในเรื่องของบุญพาวาสนา ในอดีตคนที่เป็นตัวเต็ง ไม่ได้เป็นก็มี

“คนคิดไม่อาจฝืนลิขิตฟ้า ชะตาชีวิตเราไม่รู้หรอก การเป็น ผบ.ตร. ผมว่ายากแล้วนะ แต่การรักษาตำแหน่งยากกว่าอีก”

เมื่อก้าวเข้าสู่จุดสูงสุดของการเป็นตำรวจ พี่แป๊ะ ไม่ได้มีความกดดันเรื่องตำแหน่งเลย แต่มีความกดดันเรื่องงานซะมากกว่า คิดตลอดจะทำงานยังไงให้สำเร็จ วันหนึ่งเราจะทำอะไรบ้างให้กับประชาชน ตรงนี้สำคัญมาก เพราะการปกครองดูแลทุกอย่างมันอยู่ที่หัวหน้าทั้งหมด

เป็นตำรวจก็มีกลัวบ้างแหละ

จบประโยคนั้น เราถามกลับ อย่างพี่แป๊ะต้องกลัวอะไรอีกคะ ?

“มันก็มีความกลัวบ้างแหละ” แต่เราต้องแยกให้ออกมาว่ากลัวอะไร

พี่แป๊ะ เล่าต่อ ตั้งแต่เป็นตำรวจ สิ่งที่กลัวที่สุด คือ กลัวเรื่องผลประโยชน์ กลัวการใส่ร้ายป้ายสี การเอาเรื่องไม่จริงไปฟ้องผู้บังคับบัญชา เพราะเราไม่มีทางแก้ตัวเลย ถามว่ากลัวถูกปลดไหม ไม่กลัวเลย แต่กลัวความไม่เป็นธรรมเท่านั้นเอง เพราะมันสามารถทำให้เสียอนาคตได้ ถ้าใจไม่นิ่งพอ จิตใจไม่หนักแน่นพอ แต่เรื่องงานไม่เคยกลัวเพราะเป็นคนเต็มที่ ชอบปฏิบัติ ชอบแก้ปัญหา อะไรเข้ามาพร้อมสู้และพร้อมลุย!

“ผมพูดเสมอนะว่าผมเป็นนักกีฬา ให้ผมอยู่ในตำแหน่งไหนผมเล่นเต็มที่ เจ็บผมก็ออก หมดเวลาก็กลับบ้าน บอกพอก็พอ ผมไม่ยื้อที่จะขอต่อ แล้วแต่ผู้บังคับบัญชาเห็นสมควร นี่คือผม ปากคนสำคัญที่สุด ทำให้คนเจริญก็ได้ ชิบหายก็ได้”

ตำรวจมีเรื่องให้เครียดทุกวัน และเราไม่สามารถที่จะสื่อให้คนอื่นรู้ได้ทั้งหมด แต่พี่แป๊ะจะสอนน้องๆตลอดว่า ต้องมีความซื่อสัตย์กับตัวเอง ไว้ใจ เชื่อใจ วางใจ ยังจำวันแรกได้ดีตั้งแต่ได้รับตำแหน่ง ทุกคนเอาอย่างไร เสมือนหนึ่งผมเอาอย่างนั้น ไม่ก้าวก่ายใครในทุกๆ เรื่อง ต้องเคารพกัน

ตลอด 5 ปีที่ผ่านมาที่ได้เป็น ผบ.ตร. สิ่งที่ภูมิใจที่สุด คือ การได้รับใช้ประชาชน ทำให้ประชาชนปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เพราะ ในตอนที่ประชาชนหลับตานอน เราต้องตื่นมาดูแล อาชีพตำรวจสอนอะไรเยอะแยะในชีวิต ได้เห็นทุกโลกทุกมิติ สัมผัสคนทุกสาขาอาชีพ

และชีวิตหลังเกษียณของพี่แป๊ะ

สิ่งที่วางไว้ก็มีความหมายต่อชีวิตเขามาก

ติดตามเรื่องราวของบิ๊กแป๊ะ ต่อ ได้ใน EP.2 วันพรุ่งนี้นะคะ