แม่ค้า ประชาชน จ.ยะลา ร้องวอนรัฐแก้ พริกแห้ง กระเทียม ปรับราคาสูงลิ่ว

แม่ค้า ประชาชน ร้านอาหารตามสั่ง อ.เบตง จ.ยะลา ร้องวอนรัฐแก้ปัญหา พริกแห้ง กระเทียม ปรับราคาสูงลิ่ว ยันไม่ขึ้นราคาอาหารหวั่นลูกค้าไทย นักท่องเที่ยว หายหลังฟื้นจากการระบาดโควิด-19 มากว่า 2 ปี

กลุ่มแม่ค้าร้านอาหารตามสั่งในอำเภอเบตง จ.ยะลา ยังไม่ขึ้นราคาหวั่นลูกค้าไทย ต่างชาติ หายแต่หันมาปรับใช้พริกแห้งผสมพริกสด กระเทียม ผสมเพิ่มเพื่อให้เกิดความเผ็ดถูกใจลูกค้าตามเดิม วอนรัฐเร่งแก้ไม่อยากให้เป็นการมาซ้ำเติมประชาชนในช่วงฟื้นจากการระบาดโควิด-19 มากว่า 2 ปี ที่ผ่านมาก็หนักพอแล้วไม่ทันลืมตาอ้าปากผู้บริโภคต้องมาเดือดร้อนกับราคาสินค้าเพิ่มขึ้นทุกอย่างเป็นการเพิ่มภาระให้ประชาชนซ้ำหนักขึ้นมาอีก!

เมื่อวันที่ 3 ก.ค.65 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจตลาดในพื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลาซึ่งเป็นอีกอำเภอหนึ่งของจังหวัดยะลาที่ภายหลังเกิดภาวะราคาพริกแห้ง กระเทียม มีราคาสูงขึ้นหลายเท่าตัว ซึ่งบรรดา พ่อค้า แม่ค้า และประชาชน ชาวเบตง ส่วนใหญ่บอกว่าแพงเป็นประวัติการณ์ในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา ที่จากเดิมเคยซื้อพริกแห้งมาประกอบอาหารตามสั่งขายหรือใช้แกงที่บ้าน ในราคาไม่เกินกิโลกรัมละ 150 บาท แต่ปัจจุบันมีราคาพุ่งสูงขึ้น โดยพริกกระเหรี่ยงราคากิโลกรัมละ 200 บาท ส่วนพริกอินเดียกิโลกรัมละ 170 บาท โดยพริกกระเหรี่ยงและพริกอินเดีย พึ่งปรับราคาขึ้นโดยเดือนที่ผ่านมา

ขณะที่เปรียบเทียบราคาพริกในตลาดส่วนกลาง เช่น พริกขี้หนูสวน 150.00 บาท/กก. พริกยอดสน 60.00 บาท/กก. พริกยำแดง 60.00 บาท/กก. พริกกะเหรี่ยง 140.00 บาท/กก. พริกจินดาแดง 65.00 บาท/กก. พริกจินดาเขียว 57.50 บาท/กก. พริกเหลือง 80.00 บาท/กก. พริกหยวก 50.00 บาท/กก. พริกหวาน 120.00 บาท/กกพริกไทยอ่อน 120.00 บาท/กก. พริกชี้ฟ้า 60.00 บาท/กก.

โดยแม่ค้าร้านอาหารตามสั่ง ตั้งอยู่ในเขตเทศบาล เปิดเผยว่า ในช่วงนี้ถือว่าราคาพริกแห้ง และกระเทียมมีราคาสูงมากเป็นประวัติการณ์ จากเดิมราคาไม่เกิน 150 บาทต่อกิโลกรัม แต่ปัจจุบันมีราคาสูงกว่า 170 – 200 บาท/กก.ส่วนกระเทียมจัมโบ้ จากเดิมราคากิโลกรัมละ 60 ปรับขึ้นเป็น 70 บาท/กก.กระเทียมหัวเล็กจากเดิมราคากิโลกรัมละ 50บาทปรับขึ้นเป็น 60 – 65 บาท/กก.ส่วนราคากระเทียมไทย ราคากิโลกรัมละ 80-100

ซึ่งก็ทำให้พ่อค้าแม่ค้าส่วนใหญ่ที่เป็นร้านอาหารตามสั่งนับสิบแห่ง ต้องได้รับผลกระทบเพราะมีรายจ่ายต้นทุนที่สูงขึ้น แต่ก็ต้องจำใจรักษาลูกค้าไว้ ที่จะปรับราคาขึ้นไม่ได้ ยังต้องขายราคาเดิม และเมนูไหนที่ต้องใช้พริกแห้งก็ต้องหันมาปรับเปลี่ยนใช้พริกสดประกอบอาหารแทน และใช้พริกแห้งมาผสมเพิ่มเพื่อให้เกิดความเผ็ดถูกใจลูกค้าตามเดิม และภายหลังจากการระบาดของโควิด-19 ลดลงและทางรัฐบาลได้มีการยกเลิกมาตรการต่างๆในการควบคุมการระบาดโควิด-19 ก็ทำให้ลูกค้าเพิ่มขึ้น แต่ในพื้นที่อำเภอเบตงเอง ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่ทันฟื้นตัวจากผลกระทบทางเศรษฐกิจยังคงมีรายได้น้อยอยู่แล้ว ก็จะเป็นการซ้ำเติมประชาชนที่หาเช้ากินค่ำอีก

รวมทั้งปัญหาต่อมาก็คือราคาน้ำมันพืช น้ำปลา เครื่องปรุงชนิดต่างๆที่นำมาใช้ประกอบอาหารปัจจุบันก็เริ่มมีราคาปรับสูงขึ้นตามมาซ้ำอีก จากเดิมขวดละไม่เกิน 55 บาท แต่ปัจจุบันขึ้นราคาสูงไปอยู่ที่ 67 บาทต่อขวดอีก จึงอยากให้ภาครัฐที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหาในจุดนี้เพิ่มเติมอีกด้วย

โดยขณะที่ประชาชน รายหนึ่ง กล่าวว่า “ ภายหลังจากการที่โควิด-19 ระบาดมากว่า 2 ปี ประชาชนส่วนใหญ่ก็หนักพอแล้ว และหากมีการขึ้นราคาข้าวของเครื่องใช้ อาหารบริโภค ตามมาสูงขึ้นอีก ก็เห็นใจพ่อค้า แม่ค้า ที่ต้องซื้อของมาขายที่ต้นทุนแพงขึ้น ตนเองขอบบอกว่าของแพงทุกอย่าง แต่ก็จำเป็นต้องซื้อไปกิน ไปขาย จึงอยากให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาเพื่อเป็นการช่วยเหลือเพิ่มเติมตามที่มีมาตรการหลายๆ มาตรการออกมาในช่วงที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นคนละครึ่ง เราชนะ อะไรต่างๆในลักษณะนี้ให้เพิ่มมากขึ้นตามมา ให้เหมาะสมตามภาวะเศรษฐกิจที่สินค้าเกือบทุกอย่างปรับราคาขึ้นแพงในขณะนี้ตามมาด้วย”