อ้าว!!! ทำไมไม่เหมือนที่คุยกันไว้
กรณีครูหนุ่ม หรือ หรือ นายกรภัทร อายุ 33 ปี อาชีพครูปฐมวัย โพสต์เศษทอง อ้างร่อนได้ในคลองชลประทาน หมู่ 4 อ.เมือง จ.ราชบุรี ทำให้ชาวบ้านพาอุปกรณ์มาร่อนทองกันเป็นจำนวนมาก
ล่าสุดวานนี้ ( 28 ม.ค. 64) นายกรภัทร หรือครูหนุ่ม ออกมายอมรับว่า “เรื่องราวทั้งหมด เขาเป็นคนกุเรื่องขึ้นมา” แต่เรื่องนี้มีคนอยู่เบื้องหลัง โดยครูหนุ่มบอกว่า ความจริงแล้วทองที่นำมาโชว์ เป็นทองที่เขาหามาได้จริง ๆ เนื่องจากตนไปหาหอยที่คลองดังกล่าว แต่เผอิญเหลือบไปเห็นเศษทองคำ เลยหยิบขึ้นมาดู จากนั้นเอาเครื่องตรวจจับโลหะ มาค้นหา ปรากฏว่าไปเจอพวกเศษทองรูปพรรณเพิ่มอีกหลายเม็ด เมื่อวันที่ 9 ม.ค. 64 ที่ผ่านมา
จากนั้นวันที่ 15 ม.ค. 64 จึงนำรูปดังกล่าวโพสต์ลงเฟซบุ๊กส่วนตัว จนเป็นข่าว จากนั้นมาจึงทำให้ชาวบ้านหลายคนแห่ไปร่อนทองที่คลองชลประทานดังกล่าว หลังจากนำเรื่องราวไปโพสต์ มีบุคคลคนหนึ่งในจังหวัดราชบุรีที่อ้างตัวเองว่าเป็นผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดอักษรย่อ “ป” ติดต่อเข้ามาทันที โดยผู้สื่อข่าวคนนี้เข้ามาบอกให้เขาสร้างเรื่อง ให้โกหกว่า “มีคนขับสิบล้อมาชี้จุดให้ ก่อนจะลงไปเจอทอง เพื่อที่จะสร้างความน่าเชื่อถือ พร้อมทั้งพาเขาไปออกรายการ แต่ปรากฏว่าสุดท้ายถูกนักข่าวคนนี้ โกงค่าตัวเขาไป 10,000 บาท จึงทำให้เขาตัดสินใจออกมายอมรับความจริง
เรื่องประวัติของตน ยอมรับว่า ตนไม่ได้มีอาชีพครู หรือว่ารับเลี้ยงเด็กตามที่กล่าวอ้างไป แต่ความจริงแล้ว ตนประกอบอาชีพขายกุญแจตามตลาดนัด ลาออกจากมหาวิทยาลัย ตั้งแต่ปี 3 แต่เป็นคนชอบสะสมอัญมณี หรือพวกหินแปลกต่าง ๆ ทำให้หลายคนเข้าใจว่า ตนนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านอัญมณี จึงนิยมเรียกตนว่า “ครูหนุ่ม” ยอมรับว่า ตนนั้นเคยเป็นผู้ป่วยทางจิต โดยเฉพาะหลังจากลาออกจากมหาวิทยาลัย ก็กลายเป็นผู้ป่วยซึมเศร้า โดยพยายามรักษาตัวเองมาโดยตลอด แต่ในช่วงระยะหลังไม่ได้เข้ารับการรักษา
ส่วนกรณีที่ชาวบ้านเจอพระเครื่องในคลอง เขาเองยอมรับว่า เป็นคนเอาพระกับเหรียญเก่าๆ ไปโยนไว้ในคลองตั้งแต่วันที่ 9 เพียงแค่หวังว่าหากชาวบ้านไปเจอจะได้มีความชื่นใจ
” กราบขอโทษชาวราชบุรี ทุกคนที่แห่กันไปร่อนทอง รวมทั้งขอโทษส่วนราชการทุกส่วนที่ทำให้เดือดร้อน ทั้งหทดที่เกิดขึ้นไม่ได้มีเจตนาหลอกลวงใคร เกิดจากการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ” ครูหนุ่ม กล่าว…..
ด้านนายทศพล เผื่อนอุดม นายอำเภอเมืองราชบุรี เปิดเผยว่า ครูหนุ่ม เบื้องต้นได้รับฟังคำสารภาพ จากครู่หนุ่มแล้ว ว่าไม่ใช่เรื่องจริงทั้งหมด มีจริงบ้างเท็จบ้างปะปนกันไป เป็นความคึกคะนอง แต่เท่าที่ดูมันเป็นการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ อาจผิด พรบ.คอม ต้องไปดูรายละเอียดกันก่อน ซึ่งเป็นหน้าที่ของทางตำรวจ โดยตนได้ประสานตำรวจมาตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้
ส่วนบริเวณคลองชลประทานตอนนี้คนลดน้อยลงไป ถ้าหากรู้ความจริงกันแล้วคิดว่าน่าจะกลับสู่สภาวะ
อย่างไรก็ตามตำรวจ จะต้องสอบสวนเอาข้อเท็จจริงกับข้อกฏหมายที่เกี่ยวข้องมาปรับดู ถ้าเข้าข่ายก็ต้องดำเนินคดีให้เป็นแบบอย่าง จะได้ไม่มีเรื่องลักษณะแบบนี้เกิดขึ้นมาอีก