นักธุรกิจพันล้าน ผู้ถูกตราหน้า “แม่ทัพ IO”
นายประสิทธิ์ เจียวก๊ก ภูมิลำเนาเป็นคนจังหวัดกระบี่ ครอบครัวฐานะยากจน ในวัยเด็กเป็นคนค่อนข้างเกเร ไม่เรียนหนังสือ จากนั้นได้เดินทางเข้าสู่กรุงเทพมหานคร จนชีวิตพลิกผันเป็นนักธุรกิจพันล้าน ที่ได้ชื่อขึ้นว่าเป็นอันธพาลกลับใจ หลังเข้ากรุงเทพฯ เขาจับพลัดจับผลูไปทำธุรกิจหลายอย่าง เช่น รับเหมาและเป็นเซลขายเครื่องแรงดันน้ำ แต่ไม่มีอาชีพใดเลยที่สร้างเงินจำนวนมหาศาลให้ประสิทธิ์ จนประสบความสำเร็จและเป็นผู้นำในแวดวงธุรกิจการท่องเที่ยวอันดับต้นของประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นผู้ก่อตั้งสมาคมการค้าธุรกิจบริการและผลิตภัณฑ์ผสมผสาน และเป็นประธานกรรมการบริหาร บริษัท เว็บ สวัสดี จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ มัณดาวีต์ กรุ๊ป พร้อมบริษัทในเครือที่อ้างว่ามีสำนักงานทั่วโลก ดังนี้
บริษัท มัณดาวีต์ ทัวร์ จำกัด
บริษัท มัณดาวีต์ รีสอร์ท แอนด์ สปา จำกัด
บริษัท จิรากานา จำกัด
บริษัท อ่าวนาง ซีวิว คอนโด จำกัด
บริษัท อ่าวนาง ซีวิว รอยัล โฮเทล จำกัด
บริษัท เอ็มวี เทรดดิ้ง คอเปอร์เรชั่น จำกัด
บริษัท MWT Marketing Pte. Ltd.
บริษัท เอส-แพลนเนต จำกัด
บริษัท อินทิเกรทเต็ด ซิสเต็ม ซอฟท์แวร์ จำกัด
บริษัท Mandawei Co., Ltd
บริษัท สวัสดี ดอทคอม จำกัด
บริษัท สวัสดี การบิน จำกัด
บริษัท เว็บ สวัสดี จำกัด(มหาชน)
บริษัท N2O Health Solution Co., Ltd.
บริษัท นทีทองธาร จำกัด
บริษัท เอ็ม แอล ฟิวเจอร์ เทค จำกัด
บริษัท Deetrip
บริษัทเหนือโลก จำกัด
บริษัทสำนักงานประธานกรรมการบริหาร
สหกรณ์ออมทรัพย์การค้าธุรกิจบริการและผลิตภัณฑ์ผสมผสาน
สมาคมการค้าธุรกิจบริการและผลิตภัณฑ์ผสมผสาน
เคยมีบทสัมภาษณ์ ประสิทธิ์เคยกล่าว่า ชีวิตที่ดูไร้เป้าหมายจึงตั้งใจทุ่มเททำประโยชน์ให้สังคมดังที่เขาระบุไว้ในเว็บไซต์ว่า “ในอดีตผมเคยเป็นคนไม่ดี แต่อยากเปลี่ยนตัวเอง เลยให้สัญญากับฟ้าว่าขอให้ผมเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ และถ้าผมได้ดี…เงินที่หาได้ กำไร 90% จะคืนให้สังคมตลอดไปและสืบไป” เป็นที่มาของการทำโครงการ ‘คืนคุณแผ่นดิน’ ที่มีเป้าหมายในการตอบแทนสังคมด้วยงานการกุศลต่างๆ โดยทำเป็นรายการทีวี ผ่านสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ในรายการ คืนคุณแผ่นดิน เพื่อสังคมและประชาชน
สำหรับโครงการคืนคุณแผ่นดินนั้นปรากฏขึ้นครั้งแรกในวันที่ 9 มีนาคม 2563 ในหัวข้อ ‘พิธีลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือโครงการหมู่บ้านพัฒนาเพื่อความยั่งยืน’ โดยเนื้อหาระบุเพียงว่า พล.อ. พีรพงษ์ เมืองบุญชู ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการกองทัพไทย ถ่ายรูปคู่กันกับประสิทธิ์, 12 มีนาคม 2563 หัวข้อ ‘โครงการคืนคุณให้แผ่นดิน เดินหน้าช่วยหมอ พยาบาลที่ขาดแคลน Mask’ ที่ประสิทธิ์มอบหมายให้ตัวแทนเดินทางไปมอบหน้ากากอนามัยยังโรงพยาบาลศรีสังวาลย์, 30 มีนาคม หัวข้อ ‘คุณประสิทธิ์ เจียวก๊ก ลงพื้นที่โครงการพัฒนาความเป็นอยู่ข้าราชการอย่างยั่งยืน’
นอกจากนี้ นายประสิทธิ์ ยังเป็นเจ้าของแอพพลิเคชั่นที่ชื่อว่า M-Help Me “Save Your Life” ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นที่คอยป้องกัน ช่วยเหลือ สื่อสาร เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ ให้สังคมมีส่วนร่วม ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2561
อีกทั้ง นายประสิทธิ์ ยังได้รับรางวัลเชิดชูคุณความดีอีกหลายรางวัล ไม่ว่าจะเป็น รางวัลสนับสนุนการทำดี ณ ข่วงพระเจ้าล้านนาไทย จังหวัดเชียงใหม่จาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รางวัลจากโครงการคุณธรรมนำแผ่นดิน “คนทำดีต้นแบบสังคมแห่งปี 2558 คนดีเพื่อพ่อ” และรางวัลโล่เกียรติยศในฐานะผู้ให้การสนับสนุนการจัดงานพระราชทานรางวัล “เทพทอง” จากสมาคมนักวิทยุและโทรทัศน์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมป์
ประเด็นถูกตราหน้าเชื่อมโยงปฏิบัติการไอโอกองทัพ
ย้อนกลับไปเมื่อปลายปี 2563 น.ส.พรรณิการ์ วานิช หรือช่อ แกนนำคณะก้าวหน้า เคยแถลงข่าวเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2563 ได้เปิดเผยข้อมูลว่า กองทัพมีปฏิบัติการด้านข่าวสารทำงานผ่านแอปพลิเคชั่นที่ใช้งานกับทวิตเตอร์ จำนวน 2 แอป ซึ่งมีลักษณะการทำงานที่สามารถทวีตข้อความหลายข้อความได้ในเวลาเดียวกันหรือ “ปั่นแท็ก” ใช้ชื่อในการแถลงว่า “เปิดวงจรอุบาทว์ไอโอ ผู้มูฟออนเป็นวงกลม” เปิดโปงรายละเอียดข้อมูลการปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร (IO) ของกองทัพและหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้จากข้อมูลการสืบค้นของคณะก้าวหน้า พบว่า ในปฏิบัติการ IO มีการใช้ server เดียวกันกับแอปฯ M-Help Me ของนายประสิทธิ์ และยังมีกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การเข้าไปจัดหลักสูตรอบรมวิธี boost post วิธีจัดการ Twitter เพียงข้ามคืน นายประสิทธิ์ก็ได้สวนกลับผ่านเฟซบุ๊กชื่อ ประสิทธิ์ เจียวก๊ก เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2563 ชี้แจงถึงทุกประเด็นดังกล่าว ซึ่งเจ้าตัวก็ได้ยอมรับว่า เป็นผู้บริหารพัฒนาบริษัทเจ้าของแอปพลิเคชั่น และเซิร์ฟเวอร์ที่กองทัพบกใช้ เพราะตนรับงานสอนเรื่องโซเชียล โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ทุกคนเรียนรู้ข้อเท็จจริง ไม่หลงเชื่อ และตกเป็นเหยื่อเฟคนิวส์
ซึ่งในการแถลงของคณะก้าวหน้าครั้งนั้น น.ส.พรรณิการ์ ยังได้แสดงภาพถ่ายของนายประสิทธิ์ ซึ่งเป็นเจ้าของเซิร์ฟเวอร์ที่แอปพลิเคชั่น 2 แอปฯ ว่าเป็นผู้มีกิจการต่าง ๆ และทำกิจกรรมหลากหลาย ได้แก่ ลงเรียนหลักสูตรของจิตอาสาพระราชทาน เป็นผู้ถวายผ้ากฐินพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เข้าไปบรรยายหลักสูตรพิเศษอบรมการใช้โซเชียลมีเดียของโรงเรียนจิตอาสาพระราชทาน 904 และ “เป็นผู้เข้านอกออกในกองทัพ”
อีกทั้ง น.ส.พรรณิการ์ ยังได้แสดงภาพนายประสิทธิ์ โดยอ้างว่าเป็นเหตุการณ์ในวันสถาปนา ร.31รอ. ทหารหมวกแดงที่ จ.ลพบุรี เดินอยู่ท่ามกลางผู้บัญชาการเหล่าทัพหลายคน “แสดงว่าเข้านอกออกในและมีความสนิทสนมกันจริง ๆ” น.ส.พรรณิการ์ ระบุ และเสริมว่า พบการสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์ของบุคคลนี้ในช่วง 3 ปี ในฐานะนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ และเคยให้สัมภาษณ์ว่า “เราจะยิ่งใหญ่กว่ากูเกิลให้ได้” ด้านนายประสิทธิ์ ประธานกลุ่มเอ็มกรุ๊ปที่คณะก้าวหน้าระบุว่าอยู่เบื้องหลังปฏิบัติการไอโอของกองทัพ ยอมรับว่าเป็นเจ้าของแอปและเซิร์ฟเวอร์ที่กองทัพบกใช้งานจริง แต่เป็นการให้ใช้ฟรีโดยไม่ได้รับค่าตอบแทน เพราะตนรับงานสอนเรื่องโซเชียล โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ทุกคนเรียนรู้ข้อเท็จจริง ไม่หลงเชื่อ และตกเป็นเหยื่อเฟกนิวส์
ล่าสุด วันที่ 22 ธ.ค. 65 เวลาประมาณ 10.00 น. ตำรวจ สน.พหลโยธิน รับแจ้งเหตุผู้ต้องหาพยายามหลบหนี สถานที่เกิดเหตุ บริเวณห้องน้ำศาลอาญารัชดาฯ ชั้น 9 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ โดยผู้ก่อเหตุ คือ นายประสิทธิ์ เจียวก๊ก ผู้ต้องต้องหาคดีฉ้อโกงประชาชน จากโครงการคืนคุณแผ่นดิน ร่วมกับพวก เปิดบริษัทใหญ่ หลอกลงทุน เสียหายนับพันล้าน
โดยนายประสิทธิ์ ถูกเบิกตัวมาที่ห้องพิจารณาคดี ห้อง 903 ต่อมาได้ขอออกมาเข้าห้องน้ำ ทั้งที่ยังมีโซ่ตรวนอยู่ โดยไม่มีใครทราบว่าภายในห้องน้ำมีเสื้อผ้าถูกเตรียมไว้ และนายประสิทธิ์ ได้เปลี่ยนชุดนักโทษออก แล้วใส่ชุดที่ถูกเตรียมไว้ในห้องน้ำ และได้หลบหนีมายังบริเวณชั้น 3 แต่เจ้าหน้าที่ศาลจำได้ จึงได้ติดตามมาและพบว่านายประสิทธิ์ กำลังจะกระโดดออกทางหน้าต่าง เจ้าหน้าที่ศาลจึงเข้าทำการควบคุมตัวไว้ได้ ขณะนี้ ตำรวจ สน.พหลโยธิน กำลังขยายผลถึงผู้ให้ความช่วยเหลือและตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในศาล
คลิปอีจันแนะนำ
ผู้เสียหายร้องยึดทรัพย์ ประสิทธิ์ เจียวก๊ก