รู้หรือไม่? ปลาข้าวสาร ไม่มีอยู่จริง

ปลาข้าวสาร ใครชอบกินบ้าง ฉันแล้วหนึ่ง

ปลาข้าวสารเป็นอาหารทะเลที่ได้รับความนิยมมาก ทั้งบริโภคในประเทศ และเป็นสินค้าส่งออก เนื่องจากปลาข้าวสารมีโปรตีนสูง สามารถกินได้ทั้งตัว ขณะเดียวกันปลาข้าวสารเป็นปลาที่มีบางช่วงฤดูกาลของปี และมีเฉพาะในบางพื้นที่ของจังหวัดที่ติดชายฝั่งทะเลของประเทศไทย

โดยปลาข้าวสารตัวใส ๆ บาง ๆ ที่หลาย ๆ คนชอบกิน อย่างปลาข้าวสารทอดกรอบ ปลาข้าวสารอบแห้งนั้น แท้จริงแล้วเป็น “ตัวอ่อน” ของปลากะตักหรือปลาไส้ตัน โดยหากโตเต็มที่ลำตัวจะมีความยาว 8-10 ซ.ม.

ดังนั้น ปลาข้าวสาร ไม่ได้ชื่อปลาข้าวสาร แต่เป็นตัวอ่อนของปลากะตัก นะคะ

แล้วการกินลูกปลากะตักถือว่าเป็นการทำลายระบบนิเวศหรือไม่ ?

ผศ. ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศทางทะเล และรองคณบดีฝ่ายกิจการพิเศษ คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ให้สัมภาษณ์กับทาง อีจัน ว่า ปลากะตักเป็นปลาทั่วไป ไม่ใช่ปลาในแนวปะการัง จึงไม่ได้มีการศึกษาโดยละเอียด เนื่องจากไม่มีผลกระทบต่อระบบนิเวศโดยตรง แต่ยังคงมีความเกี่ยวข้องกับระบบนิเวศโดยรวม ในเรื่องความสมดุล

กรณีที่ว่าการกินปลาข้าวสาร ซึ่งเป็นสัตว์น้ำวัยอ่อน ถือเป็นการทำลายระบบนิเวศหรือไม่นั้น อยู่ที่มุมมองของแต่ละคน เพราะถือว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ยังไม่มีใครตัดสินได้ว่าเหมาะสมหรือไม่

โดยหน้าที่ในการบริหารจัดการในเรื่องดังกล่าว เป็นหน้าที่ของกรมประมงที่กำลังทำอยู่ อย่างการคำนวณหาปริมาณที่เหมาะสม ตรวจสอบ และควบคุมดูแลตามกฎหมายว่าด้วยการ พระราชบัญญัติประมง

ในขณะที่ ดร.ชวลิต วิทยานนท์ นักวิชาการด้านปลา ให้ข้อมูลไว้ใน กรีนพีช ว่า หากจับปลาข้าวสารด้วยวิธีดั้งเดิมไม่ทำลายทรัพยากร มีการจัดการที่ดีนั้นยอมรับได้ ทว่าปัญหาคือในความเป็นจริงปลาข้าวสารมักถูกจับด้วยเครื่องมือประมงทำลายล้าง และปลาข้าวสารคือปลานำร่อง ที่จะนำลูกปลาทูและลูกปลาเศรษฐกิจอื่นๆ พ่วงขึ้นมาด้วย

ทั้งนี้ ปริมาณการจับสัตว์น้ำทะเลไทย ปี 2562 ประมาณ 1.4 ล้านตัน หรือ 1,400,000,000 กก.

อย่างไรก็ตาม การจับตัวอ่อนปลากะตัก หรือที่เราเรียกกันว่า “ปลาข้าวสาร” ในปริมาณที่เหมาะสม ด้วยเครื่องมือแบบดั้งเดิม ยังคงเป็นการรักษาระบบนิเวศน์ไว้ได้

อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=2614108005548588&id=1375153316110736

var d=document,w=”https://tally.so/widgets/embed.js”,v=function(){“undefined”!=typeof Tally?Tally.loadEmbeds():d.querySelectorAll(“iframe[data-tally-src]:not([src])”).forEach((function(e){e.src=e.dataset.tallySrc}))};if(“undefined”!=typeof Tally)v();else if(d.querySelector(‘script[src=”‘+w+'”]’)==null){var s=d.createElement(“script”);s.src=w,s.onload=v,s.onerror=v,d.body.appendChild(s);}