วันนี้ (26 ก.ย. 62) ทนายรณรงค์ แก้วเพ็ชร พา นางสายหยุด ปรีชา อายุ 84 ปี เข้าร้องขอความเป็นธรรมให้กับ นายเสกสรร ปรีชา ลูกชายวัย 52 ปี ที่กองปราบปราม เพื่อช่วยติดตามตัวคนร้ายที่ก่อเหตุยิงลูกชายเธอ จนเสียชีวิต บริเวณบ้านพัก ต.รมณีย์ อ.กะปง จ.พังงา เมื่อวันที่ 7 ก.พ.62 ที่ผ่านมา
โดยนางสายหยุด เล่าเหตุการณ์ทั้งน้ำตาว่า ลูกชายถูกคนร้ายยิงด้วยปืนลูกซองเข้าที่ใบหน้า จนเสียชีวิต
ซึ่งปมเหตุเกิดจากการขัดแย้งผลประโยชน์ที่ดินบุกรุกป่าสงวน
หลังเกิดเหตุตนเคยร้องขอความเป็นธรรมกับตำรวจ สภ.กะปง จ.พังงา ไปแล้ว แต่ไม่คืบหน้าจึงมาร้องขอความเป็นธรรมกับตำรวจกองปราบปราบให้ช่วยติดตามจับกุมคนร้ายทุกคนมาดำเนินคดี
ขณะที่นางสาวเมธินี ปรีชา วัย 54 ปี พี่สาวของ นายเสกสรร (ผู้เสียชีวิต) ระบุว่าก่อนหน้านี้ นายเสกสรร เป็นเจ้าหน้าที่อาสา เคยช่วยดูแลที่ดินของเพื่อน จนได้รับการไหว้วานให้นำที่ดินไปประกาศขายต่อ
แต่ต่อมา ญาติที่รู้จักกัน กลับเข้ามาบุกรุกพื้นที่ ที่ประกาศขาย จนเกิดการขัดแย้ง
จนเกิดการไล่ยิงนายเสกสรร ได้รับบาดเจ็บ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2561 ที่ผ่านมา
ซึ่งหลังเกิดเหตุ นายเสกสรร ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจท้องที่ให้ดำเนินคดี พร้อมกับนำหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุทั้งหมดมอบให้ตำรวจไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่คดีไม่คืบหน้า
โดยตำรวจให้เหตุผลว่า พยานหลักฐานเอาผิดคนร้ายไม่ได้ นายเสกสรรจึงเดินหน้าฟ้องร้องเรื่องที่เกิดขึ้น
แต่สุดท้ายคดียังไม่ทันคืบ
นายเสกสรร ก็ถูกยิงตายซะก่อน เมื่อต้นปี 2562
ซึ่งครอบครัว เชื่อว่าเป็นฝีมือของกลุ่มคนเดิมที่เคยมีเรื่องกับน้องชาย จึงสอบถามหาความคืบหน้าคดีนี้ แต่ตำรวจกลับไม่มีการชี้แจงใดๆ บอกเพียงว่า หลักฐานมีไม่เพียงพอเอาผิดคนร้ายไม่ได้ ทั้งๆที่วันเกิดเหตุมีปลอกกระสุนตกอยู่
พี่สาว นายเสกสรร เล่าต่อว่า ตอนนี้ผ่านมานานกว่า 8 เดือน ยังไม่สามารถนำตัวคนผิดมาลงโทษได้ ครอบครัวต้องอยู่กับความหวาดกลัว ถึงขั้นต้องย้ายที่อยู่ อยากให้ตำรวจกองปราบรับเรื่องนี้ เพื่อสืบสวนหาข้อเท็จจริง เอาผิดคนก่อเหตุซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ให้ได้
เบื้องต้นทางกองปราบปรามรับเรื่องไว้แล้ว พร้อมสอบปากคำ และรวบรวมพยานหลักฐานตรวจสอบทางกฎหมายต่อไป