วานนี้ (30 ก.ย.2562) พล.ต.อ.ศรีวราห์ พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช รอง ผบช.ส. , พล.ต.ต.ณัฐแก้ว เมตตามิตรพงศ์ ผบก.ประจำ สง.ผบ.ตร พร้อมคณะเจ้าหน้าที่ บก.ปทส.และกำลังเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน เช่น เจ้าหน้าที่ป่าไม้ จากสำนักจัดการป่าไม้ที่ 10 จากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด ศูนย์ป่าไม้จังหวัดกาญจนบุรี และตำรวจ EOD เข้าทำการตรวจค้นพื้นที่บุกรุกป่า โดยใช้หมายค้นของศาลจังหวัดกาญจนบุรี จำนวน 3 จุด คือ
จุดที่ 1 พื้นที่บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าวังใหญ่และป่าแม่น้ำน้อย ตำบลศรีมงคล อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี เนื้อที่ประมาณ 100 ไร่ คิดเป็นค่าเสียหาย 15 ล้านบาท
จุดที่ 2 พื้นที่ประทานบัตรเหมืองแร่ของบริษัท ปฐมวัฒนพานิชย์การแร่ จำกัด ตำบลศรีมงคล อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี
จุดที่ 3 สถานที่แต่งแร่ และครอบครองแร่ ของห้างหุ้นส่วนจำกัดเพชรมงคลเหมืองแร่ ตำบลศรีมงคล อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี เนื้อที่ 49-2-1 ไร่
การทวงคืนผืนป่าครั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อประมาณกลางเดือน ก.ย.2562 มีนักการเมืองท้องถิ่นคนหนึ่ง ร้องเรียนไปยัง พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ว่ามีการลักลอบตัดไม้ไผ่ ไม้รวก บุกรุกพื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติและขุดแร่ เก็บแร่ โดยไม่ได้รับอนุญาต ในเขต อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี หลังได้รับแจ้ง พล.ต.อ.ศรีวราห์ ได้สั่งการให้ บก.ปทส. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สืบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริงตามที่มีผู้ร้องเรียน
ตรวจสอบแล้ว พบว่ามีการกระทำความผิดจริง โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1. พบการลักลอบตัดไม้ ประเภทไม้ไผ่ ไม้รวก ประมาณ 500 ต้น บริเวณป่าสงวนแห่งชาติป่าวังใหญ่และป่าแม่น้ำน้อย ต.ศรีมงคล อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี จึงได้ทำการตรวจยึดเป็นของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค ดำเนินคดี
บริเวณที่เกิดเหตุในคดีนี้อยู่ใกล้เคียงกับพื้นที่ประทานบัตรเหมืองแร่ของบริษัท ปฐมวัฒนพานิชน์การแร่ จำกัด ตามที่มีการร้องเรียนว่าในเขตประทานบัตรก็มีการลักลอบตัดไม้เช่นเดียวกัน จึงได้ทำการขยายผลเพื่อเข้าตรวจสอบในพื้นที่ประทานบัตรและการดำเนินการทำเหมืองของบริษัทฯ ตลอดจนการได้รับอนุญาตจากหน่วยงานต่างๆ ว่าถูกต้องหรือไม่ โดยได้ขอหมายค้นจากศาลจังหวัดกาญจนบุรี เข้าทำการตรวจสอบในวันที่ 30 ก.ย.2562
2. ตรวจพบว่า มีสถานที่เก็บแร่แห่งหนึ่ง ชื่อ เหมืองแร่ห้างหุ้นส่วนจำกัดเพชรมงคลเหมืองแร่ มีการปิดกั้นทางสาธารณะที่ประชาชนสัญจร จากการสืบสวนตรวจสอบพื้นที่ และสอบถามบุคคลที่ทราบเรื่อง และทราบพื้นที่ดังกล่าวเป็นอย่างดี พบว่า เหมืองดังกล่าว ใช้ชื่อว่า หจก.เพชรมงคลเหมืองแร่ ตั้งอยู่ ตำบลศรีมงคล อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี มีนางเปรมจิตร สุดชารี เป็นเจ้าของ ได้รับอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าวังใหญ่และป่าแม่น้ำน้อย บริเวณพื้นที่เหมืองแร่ ด้านหน้าทางเข้า จะมีประตูเหล็กติดลวดหนาม ใส่กุญแจ ด้านในมองเห็นมีป้อมยาม จากการสอบถาม นายชะลอ ประทีป นายก อบต.ศรีมงคล ที่ร่วมเดินทางไปตรวจสอบพื้นที่บริเวณใกล้เคียง พบว่า ประตูที่ปิดล็อคทางเข้าเหมืองแร่เพชรมงคล เป็นพื้นที่ทางเดินสาธารณะที่ชาวบ้านเคยใช้ เดินทางไปมา ระหว่างบ้านบ้องตี้กับบ้านศรีมงคล
จากการสอบถามนายสมบุญ โชติช่วง อดีตผู้จัดการเหมืองแร่ (ออกจากเหมืองแร่เพชรมงคลมาประมาณ 2 ปีแล้ว) ได้ความว่า เหมืองแร่ดังกล่าว ประทานบัตรหมดอายุไปประมาณ 10 ปีเศษ ปัจจุบันมี นางเปรมจิต ขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ แต่งแร่ และขออนุญาตครอบครองแร่ ในพื้นที่ประมาณ 49 ไร่ แต่ปรากฏว่า นางเปรมจิตรได้ใช้แร่ที่เหลือจากการขุดสัมปทานตามที่ขออนุญาตหมดไปแล้ว ได้ใช้เครื่องมือขุดแร่ตามลำห้วย บริเวณพื้นที่ป่าสงวน บริเวณพื้นที่ทั่วๆไป จนเป็นหลุม เป็นบ่อ จำนวนมาก นำขึ้นมาเข้าโรงแต่งแร่ และขายไปเป็นจำนวนมาก เมื่อแร่ที่ขุดขึ้นมาหมด ก็จะขุดขึ้นมาใหม่ เป็นอย่างนี้ตลอด รวมทั้งตัดไม้บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนจำนวนเป็นร้อยๆไร่ ซึ่งนายสมบุญในฐานะผู้จัดการไม่เห็นด้วยกับการกระทำของนางเปรมจิตร จึงได้ลาออกมาประมาณ 2 ปีเศษ
นอกจากนี้นายสมบุญยังบอกอีกว่า นางเปรมจิตร ได้สั่งให้คนงานขยายแนวเขตพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตแต่งแร่ออกไปอีก โดยการปักแนวเขตพื้นที่ที่ขออนุญาตแต่งแร่ใหม่ รวมทั้งสร้างบ้านพักในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าวังใหญ่และป่าแม่น้ำน้อย อีกประมาณ 12 หลัง จากการตรวจสอบพื้นที่ด้านหลังเหมืองแร่ โดยการส่องกล้องทางไกล พบว่าบริเวณด้านในเหมือง มีบ้านพักคนงาน กองแร่ โรงแต่งแร่ หลักเขต บ้านพักแบบโฮมสเตย์ ตามภาพที่แนบมาด้วยแล้ว จะเห็นได้ว่า การกระทำของนางเปรมจิตร ผู้ครอบครองพื้นที่ มีการขุดแร่ โดยไม่ได้รับประทานบัตร (ทำเหมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต) มีการบุกรุกที่ป่าสงวนแห่งชาติ โดยการตัดต้นไม้ขาย รวมทั้งปลูกสิ่งปลูกสร้างในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติ เป็นจำนวนมาก จึงได้รายงานให้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ ทราบ
หลังการจับกุมได้ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด อันเป็นการกระทำผิดกฎหมายหลายฉบับ เช่น พ.ร.บ.แร่ พ.ศ.2560, พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507, พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484, ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497, พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง