หนุ่มโดนรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ทับ รอดตายปาฏิหาริย์

รอดปาฏิหาริย์
เมื่อวานนี้ (27 พ.ค. 61) เกิดอุบัติเหตุ รถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ฮีโน่ สีชมพู ของห้างหุ้นส่วนจำกัด เค.พี.เอส ทรานสปอร์ต บริเวณถนนประชาพัฒนา โค้งพลมานีย์ ทำให้ตู้คอนเทนเนอร์ที่มีน้ำหนักกว่า 46 ตัน หล่นทับรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์สีขาว แบนราบติดพื้น แล้วคนในรถล่ะ … ไม่เหลือ ?

ไม่ทันไรก็ได้ยินเสียงแตรจากรถฟอร์จูนเนอร์ นั่นเปรียบเสมือนเสียงชีวิตของคนในรถ เจ้าหน้าที่จึงรีบเข้าไปตรวจสอบพบ ผู้ชาย ร่างกายโดนกดทับจนไม่สามารถที่จะนำตัวเองออกมาจากรถได้ เจ้าหน้าที่จึงรีบประสานกำลังเอารถยก และอุปกรณ์ตัดถ่าง เข้าช่วยเหลือด้วยความระมัดระวัง ผ่านไปเกือบ 2 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่นำตัวคนเจ็บออกมาได้ ก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อรักษาตัว เบื้องต้น ทราบชื่อผู้บาดเจ็บคือ นายวรวุฒิ อยู่ญาติมาก อายุ 42 ปี ประกอบอาชีพโฟร์แมน ประจำการบินไทยสุวรรณภูมิ

จากการสอบสวนนายณรงค์ วงษ์เพ็ญ คนขับรถบรรทุก อ้างว่า ขับรถคันนี้ไปรับถั่วเหลืองน้ำหนักเกือบ 46 ตัน จากคลังสินค้าไอซีดี ลาดกระบัง เพื่อนำไปส่งที่กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี และขับด้วยความเร็ว 40 กม./ชม. ในช่วงที่เกิดเหตุ นายณรงค์กำลังจะเลี้ยวซ้ายแต่ดันมีรถจักรยานยนต์ ขับสวนขึ้นมา จึงตัดสินใจหักหลบ ด้วยความที่ตู้คอนเทนเนอร์มีน้ำหนักค่อนข้างมาก ทำให้รถรับน้ำหนักนั้นไม่ไหว จึงทำให้พลิกคว่ำ และยืนยันว่าไม่ได้เมา ไม่ได้เสพยา แต่ !! เมื่อวานดื่มสุราไปแค่ 1 ขวดเท่านั้น

ด้านนางละมุล อยู่ญาติมาก ภรรยาของนายวรวุฒิ คนขับรถฟอร์จูนเนอร์ รีบบึ่งไปดูอาการของสามี เธอเปิดเผยทั้งน้ำตา วันที่ 26 พ.ค. เป็นวันคล้ายวันเกิดเธอ และวันที่ 28 พ.ค. เป็นวันเกิดของสามี ซึ่งทางครอบครัวจะจัดงานเลี้ยงฉลองในวันที่ 27 พ.ค. ทันทีที่สามีเธอกลับจากไปทำธุระที่ จ.เพชรบุรี ซึ่งก่อนเกิดเหตุ สามีได้โทรมาหาเธอ พูดคุยกันสักพัก จู่ๆ สายก็โดนตัด เธอพยายามโทรกลับแต่ติดต่อไม่ได้อีกเลย เธอเป็นกังวลกลัวจะเกิดอะไรขึ้นกับสามี แต่ก็เกิดขึ้นจริงๆ ทันทีที่เธอเห็นข่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับสามีเธอ หัวใจเธอแทบสลาย แต่ในความโชคร้ายยังมีความโชคดีอยู่ สามีเธอไม่เป็นอะไรมาก เธอเลยขออวยพรวันเกิดปีนี้ให้สามี ว่าไม่ขอสิ่งของมีค่าอะไรทั้งนั้น แต่ถ้าขอได้ 1 ข้อ จะขอให้สามีปลอดภัยและมีลมหายใจที่จะสู้ต่อไปกับเขาก็พอ

ฝั่งทางรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบสาเหตุว่า ตู้คอนเทนเนอร์มีอุปกรณ์ล็อกหรือไม่ ? หากตรวจสอบแล้วพบว่าไม่มีอุปกรณ์ล็อค จะดำเนินการตามความผิด พ.ร.บ.การขนส่งทางบก พ.ศ.2522 มีโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท