ยาย ด.ญ.ป.1 ขอโทษ

ยาย ด.ญ.ป.1 ยอมรับเข้าใจผิดกล่าวหา 3 ด.ช.รุมโทรมหลาน

ยาย ด.ญ.ป.1 ยอมรับสับสนเข้าใจผิดกล่าวหา 3 ด.ช.ร่วมกันพยายามล่วงละเมิดทางเพศหลานสาว ที่แท้เป็นเด็กอนุบาล หลานชายตัวเองที่ทำท่าเลียนแบบคลิปกับหลานสาวให้เพื่อนดู หลังรู้ความจริงเผยตกใจ พร้อมขอโทษญาติ 3 ด.ช. ด้านยายเด็ก ป.5 เผยเครียดหลานถูกกล่าวหาทั้งตกเป็นจำเลยสังคม แต่ไม่ติดใจเอาความเพราะเป็นคนหมู่บ้านเดียวกันและไม่อยากให้เรื่องบานปลาย 

ภาพจากอีจัน
(29 พ.ค.61) จากกรณีที่มีผู้ปกครองเข้าแจ้งความร้องทุกข์ กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ว่ามีกลุ่ม ด.ช. ชั้น ป.1 ป.3 และ ป.5 ร่วมกันพยายามล่วงละเมิดทางเพศ ด.ญ.ชั้น ป.1 ริมสระน้ำในหมู่บ้านเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากทีมสหวิชาชีพทั้งตำรวจ นักสังคมสงเคราะห์ และนักจิตวิทยา ได้สอบปากคำเด็กที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดจำนวน 5 คน ได้ให้การสอดคล้องตรงกันว่าเด็กชายชั้น ป.3 มีการพูดหยอกล้อว่าจะให้เงิน 35 บาท หากเด็กชายชั้นอนุบาลสอง และ ด.ญ.ป.1 ซึ่งเป็นหลานของยายผู้เสียหายทั้งสองคน ทำท่าทางเลียนแบบตามคลิปที่ดูในโทรศัพท์ให้ดู ซึ่งก็มีการทำให้ดูจริง โดยที่ ด.ช.ป. 1 , 3 และ ป. 5 ก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย และเป็นเพียงการเล่นกันตามประสาเด็กเท่านั้น ส่วนกระแสข่าวเรื่องการข่มขืนหรือพยายามฆ่าเด็กหญิงด้วยกดหัวลงน้ำ ในทางสอบสวนไม่พบว่ามีการกระทำดังกล่าวเกิดขึ้น
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ล่าสุดยายของ ด.ญ.ป.1 ก็ได้ออกมายอมรับว่าสับสนและเข้าใจผิดที่กล่าวหา ด.ช.ทั้ง 3 คนว่าพยายามจะล่วงละเมิดหลานสาวตัวเอง เพราะตอนที่ผ่านไปเห็นทั้งหลานสาวและกลุ่มเด็กชายแก้ผ้ากันอยู่บริเวณสระน้ำ แต่ไม่ได้เห็นกับตาว่าเด็กทำอะไรกันบ้าง ประกอบกับช่วงค่ำของวันเกิดเหตุหลานสาวก็นอนละเมอเอ่ยชื่อเด็กออกมา จึงเข้าใจว่าหลานถูกกระทำจริง แต่พอมารู้ความจริงในภายหลังว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นพฤติกรรมของหลานชายและหลานสาวของตัวเอง ก็ถึงกับตกใจจนทำอะไรไม่ถูก และรู้สึกผิดที่พูดกล่าวหาเด็กชายทั้ง 3 ว่าเป็นคนกระทำหลานสาวเพราะความเข้าใจผิดของตัวเอง แต่ก็ยอมรับในสิ่งที่พูดออกไปแม้จะไม่ได้เจตนา และอยากจะขอโทษครอบครัวของเด็กทั้ง 3 คน ที่เข้าใจผิดไปพูดพาดพิงกล่าวหาจนทำให้สังคมเข้าใจผิด และหากผลตรวจจากแพทย์หรือผลทางคดีออกมาอย่างไรก็พร้อมยอมรับ
ภาพจากอีจัน
ด้านยายของ ด.ช.ชั้น ป.5 ซึ่งเป็นหนึ่งในเด็กชายที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำอนาจาร ด.ญ.ป.1 ก็ออกมาเปิดใจ ยอมรับว่ารู้สึกเครียดมากกับการถูกกล่าวหาในเรื่องดังกล่าว ทั้งที่หลานก็ยืนยันว่าไม่ได้ทำตามที่ถูกกล่าวหา เพียงอยู่ในเหตุการณ์ที่มีการเล่นกันที่เกินเลยความเป็นเด็กเท่านั้น แต่กลับถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้กระทำอนาจาร ด.ญ.ป.1 ทั้งที่ไม่เป็นความจริง และเรื่องราวที่เกิดขึ้นก็ส่งผลกับสภาพจิตใจของหลาน จนก็ไม่กล้าออกจากบ้านไปไหนคนเดียว ตนเองก็สงสารหลานแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง แต่พอความจริงเริ่มปรากฏว่าสิ่งที่หลานชายถูกกล่าวหา จนตกเป็นจำเลยของสังคมไม่ได้เป็นความจริง ก็รู้สึกสบายใจขึ้น อย่างไรก็ตามแม้สิ่งที่เกิดขึ้นจะกระทบกับครอบครัวและสภาพจิตใจหลานชาย แต่ก็ไม่ได้ติดใจเอาความ เพราะก็เป็นคนในหมู่บ้านเดียวกัน ทั้งไม่อยากให้เรื่องบานปลายไปมากกว่านี้ และอยากฝากถึงสังคมว่าอย่าพึ่งเชื่อหรือวิพากวิจารตามกระแสข่าวหากยังไม่รู้ข้อเท็จจริง