“บิณฑ์” เดินสายแจกเงินไปแล้วกว่าร้อยล้าน

สรรพากรรับปากจะไม่เก็บภาษี แต่ต้องมีเอกสารที่ถูกต้องครบถ้วน รับบริจาค แจกจริง โปร่งใส

มีคำถามว่า เงินในบัญชีกว่า 422 ล้าน และเงินที่เพื่อนศิลปินดาราซึ่งมอบให้กับมือ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” กว่า 4 ล้านบาท รวมทั้งหมด จำนวนกว่า 426 ล้าน จะบริหารจัดการเงินจำนวนนี้อย่างไร ให้มีความโปร่งใสสามารถตรวจสอบได้

ภาพจากอีจัน
“บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” ให้สัมผัสพิเศษกับทีมข่าว “อีจัน” พร้อมนำหลักฐานบัญชีแสดงรายรับรายจ่ายมาเปิดเผยว่าใช้จ่ายเงินอะไรไปบ้างแล้ว และใครมีหน้าที่ดูแลเงินของประชาชนจำนวนนี้
ภาพจากอีจัน

เงินที่ได้รับบริจาคผ่านบัญชีออมทรัพย์และกระแสรายวัน ตอนนี้มียอดเท่าไร ?

ต้องขอชี้แจงแบบนี้นะครับเงินที่เข้ามามีอยู่ 2 ส่วน คือเงินที่ประชาชนบริจาคผ่านบัญชีผมทั้ง 2 บัญชี มีจำนวนเงินทั้งสิ้น 422,496,026 บาท ส่วนเงินของเพื่อนศิลปินดารา รวมถึงเน็ตไอดอลมอบให้ผมมารวมทั้งสิ้น 4,263,684.25 บาท

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
บริหารจัดการใช้จ่ายเงินทั้ง 2 กลุ่มนี้ยังไง ? เงินช่วยเหลือครอบครัวรายละ 5,000 บาท ผมจะใช้เงินจากบัญชีออมทรัพย์และกระแสรายวัน ซึ่งเป็นเงินที่ประชาชนบริจาคผ่านบัญชีผมเพื่อให้ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม รวมถึงเงินช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียงผู้พิการ ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้จะมอบให้อีกรายละ 5,000 บาท ผมจะใช้เงินจากบัญชีนี้มอบให้ การที่ผมจะมอบเงินให้ใครไม่ใช่ว่าผมนึกอยากจะให้ก็ให้ จะต้องมีสำเนาบัตรประชาชนทะเบียนบ้าน พร้อมกับผ่านการประชาคมรับรองจากกำนันผู้ใหญ่บ้านแล้วเท่านั้น ทุกอย่างมีการทำบัญชีโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ว่าผมมอบเงินให้ใครบ้างไปแล้ว
ภาพจากอีจัน
เงินของศิลปินดาราเน็ตไอดอล “พี่บิณฑ์” เอาไปใช้จ่ายส่วนไหน ? เงินส่วนนี้ผมนำมาเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการทำภารกิจแต่ละวัน เช่น ค่าน้ำมัน ค่าอาหาร ค่าโรงแรมที่พัก และค่าเบี้ยเลี้ยงของอาสาสมัครที่มาช่วยงานผม มีค่าใช้จ่ายวันละไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท ทุกวัน ค่าใช้จ่ายทั้งหมดมีใบเสร็จสามารถตรวจสอบได้เช่นกันว่าเราใช้จ่ายอะไรบ้างในแต่ละวัน
ภาพจากอีจัน
บ้างวันเห็นควักเงิน 3,000 – 5,000 บาท มอบให้คนพิการ หรือคนชรา เงินส่วนนี้จากบัญชีไหน ? ประเด็นนี้หลายคนคงคิดว่า ผมหยิบเงินในบัญชีมาแน่ๆ ถ้าคุณติดตามผมจะทราบดี ว่า เงินอะไร ส่วนตัวผมเป็นคนชอบทำบุญอยู่แล้ว ผมใช่จ่ายเงินลักษณะนี้อาทิตย์ละเป็นแสนช่วยเหลือคนยากจน ทั้งหมดคือเงินส่วนตัวของผม ในระหว่างลงพื้นที่ช่วยน้ำท่วม ถ้าหยิบเงินจากในส่วนของบัญชีมาใช้ ผมจะสั่งให้ทุกคนจดบันทึกเอาไว้ว่า ผมเอาเงินส่วนนั้นออกเท่าไร แล้วกลับไปผมจะเงินส่วนตัวกลับคืนไป
ภาพจากอีจัน

หวั่นใจ “สรรพากร” เรียกเก็บภาษีย้อนหลัง ?

ผมได้คุยกับสรรพากรแล้ว เขารับปากจะไม่เก็บภาษีผม เพราะเป็นการรับบริจาคเพียงแค่ผ่านบัญชีผมเท่านั้น เช่นผมรับมา 100 บาท ผมต้องจ่าย 100 บาท แต่ต้องมีเอกสารเป็นหลักฐานว่าผมจ่ายเงินให้ใคร แต่ผมก็อยากได้เป็นหนังสือ ระบุมาแล้วว่าจะไม่เรียกเก็บภาษีจากผม แต่สรรพากรก็ไม่สามารถทำให้ได้ เพราะถ้าออกให้ผมคนหนึ่งก็จะมีคนต่อๆ ไป และออกหนังสือให้แล้วคนอื่นเอาไปทำผิดวัตถุประสงค์แบบนี้ถือว่าทำผิด เขาเลยไม่ออกหนังสือให้ผมเป็นรายลายลักษณ์อักษร แต่ตอนนี้ผมสบายใจแล้วเพราะสรรพากรรับปากไม่เรียกเก็บภาษี

ภาพจากอีจัน

ถ้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมครบ 5 จังหวัดแล้ว เงินที่เหลือจะเอาไปทำอะไร ?

เงินที่เหลือผมจะขอให้ประชาชนออกคิดเห็นว่าควรนำไปทำอะไร เรื่องไหนประชาชนอยากให้ทำมากที่สุด ผมจะทำอันนั้น แต่ผมมีในใจแล้วถ้าเงินเหลือผมจะทำอะไร และจะต้องเป็นประโยชน์กับส่วนรวมมากที่สุด แต่จะไม่เอาเงินไปรวมกับรัฐบาลแน่นอน แต่ถ้าใครอยากจะตรวจสอบผม ผมพร้อมให้ตรวจสอบเพราะผมทำอย่างโปร่งใส

ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 62 จนถึงวันนี้ ผมเบิกเงินมาใช้จากบัญชีรวมแล้ว 15 ครั้ง รวมเป็นเงิน 120 ล้านบาท ใช้ไปแล้ว 107,201,000 บาท เหลือ 12,799,000 บาท เงินจำนวนนี้กำลังนำไปช่วยเหลือชาวบ้าน อ.ศรีเมืองใหม่ และ อ.สิริธร และยังเหลืออีก 3 อำเภอ คาดว่าในจังหวัดอุบลราชธานีต้องช่วยให้เสร็จภายในวันที่ 15 ตุลาคม 62 นี้ จากนั้นเราจะเดินทางไปช่วยจังหวัดอื่นๆ เช่น อำนาจเจริญ ยโสธร ร้อยเอ็ด และขอนแก่น ผมยืนยันจะทำทุกอย่างให้จบภายในสิ้นปีนี้และชี้แจงกับสังคมทุกประเด็น