11 ชีวิต กำลังจะไร้ที่อยู่ หลังใช้ที่ดิน ค้ำประกัน กู้ กยศ. ให้น้องชาย สุดท้ายบ้านถูกขายทอดตลาด

หมดหนทาง… สองผัวเมีย ร้องสื่อ ครอบครัวกำลังจะไร้ที่อยู่ หลังพ่อใช้ที่ดินค้ำกู้เงิน กยศ. แต่น้องชายเรียนไม่จบ ก่อนถูกฟ้องขายทอดตลาด

11 ชีวิต กำลังไร้ที่อยู่หลังใช้ที่ดินค้ำกู้ กยศ.ถูกฟ้องขายทอดตลาด ล่าสุดเจ้าของบ้านคนใหม่ฟ้องไล่ที่ วอนภาครัฐที่เกี่ยวข้องเข้าช่วยเหลือ

29 ม.ค. 2564 นายเจริญ หนูหนุด อายุ 41 ปี และ นางนิตย์ ฉุนอิ่ม อายุ 40 ปี สองสามีภรรยา ชาวบ้าน หมู่ 1 ตำบลคลองเฉลิม อำเภอกงหรา จังหวัดพัทลุง ได้ร้องเรียนผ่านสื่อว่า ขณะนี้ครอบครัวตน 11 ชีวิต กำลังเดือดร้อนไร้ที่อยู่อาศัย เนื่องจากก่อนหน้านี้ พ่อแม่ได้นำ โฉนดที่ดิน ไป ค้ำประกัน เพื่อ กู้ กยศ. ให้น้องชาย จนกระทั่ง ถูกฟ้อง ขายทอดตลาด และล่าสุดเจ้าของบ้านคนใหม่ก็ฟ้องไล่ที่ จึงอยากวอนทางจังหวัดและภาครัฐที่เกี่ยวข้องเข้าช่วยเหลือ

จุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด สองสามีภรรยา เล่าว่า ก่อนหน้านี้ นายหรีม หนูหนุด อายุ 64 ปี ผู้เป็นพ่อ ได้นำ โฉนดที่ดิน ซึ่งเป็นที่บ้านที่อยู่อาศัยขณะนี้ไป ค้ำประกัน ให้น้องชาย กู้เงินกองทุนเพื่อการศึกษา หรือ กยศ. แต่น้องชายกลับเรียนไม่จบ และออกจากบ้านไปทำงานต่างจังหวัด จนกระทั่งมาทราบเรื่องอีกทีว่าบ้านถูกขายทอดตลาด และมีคนซื้อที่บ้านของตนไปแล้ว แต่ก็ยอมรับว่าก่อนหน้านี้ มีเอกสารส่งมาที่บ้าน ซึ่งผู้เป็นพ่อและแม่เป็นคนเซ็นรับ โดยที่ทั้งคู่ก็ไม่รู้หนังสือ

จนกระทั่งเมื่อปีที่แล้ว มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาจับกุมตนกับภรรยา พร้อมด้วยแม่ และพี่ชาย ในข้อหาบุกรุก ซึ่งขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการประกันตัวชั้นศาล

ต่อมา หลังจากทราบเรื่องว่า บ้านถูกขายทอดตลาด และมีคนซื้อไปแล้ว ตนและครอบครัวพยายามเจรจา ขอความเมตตาเพื่อซื้อบ้านกลับคืน แต่ผู้ซื้อขายต่อให้ในราคา 6 แสน พร้อมระบุให้ตนจ่ายให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี ซึ่งตนก็ไม่มีความสามารถหาเงินจำนวนดังกล่าวมาได้ เพราะฐานะทางครอบครัวยากจน หาเช้ากินค่ำ มีรายได้แค่วันละ 300 – 400 บาทเท่านั้น และรายได้ส่วนนั้นก็ต้องนำมาใช้จ่ายภายในครอบครัวเลี้ยงอีก 7 ชีวิต อาจมีรายได้เสริมบ้างจากลูกสาวที่กำลังเรียนอยู่ ชั้น ม. 4 กับ ม .5 ซึ่งพวกเขาเป็นนักมวยหญิง หากมีการไปขึ้นชกมวย ก็จะมีค่าต่อยมวย พอได้มาจุนเจือครอบครัวไปบ้าง

สำหรับหนี้ที่มีการฟ้องยึดทรัพย์ ยอดเงินกู้ กยศ. นั้นเป็นจำนวนเงิน 9 หมื่นบาท แต่เนื่องจากที่ดินดังกล่าวติดจำนองอยู่ที่สหกรณ์การเกษตรกงหราอีก 7 หมื่นบาท และทราบว่าผู้ที่ซื้อบ้านได้นำเงินไปจ่ายปิดหนี้ที่สหกรณ์การเกษตรกงหราแล้วด้วย ซึ่งล่าสุดผู้ซื้อได้ยื่นคำขาดให้ออกจากที่ดิน ภายในเดือนมีนาคม 64 ที่จะถึงนี้

นายเจริญ เล่าต่ออีกว่า โฉนดที่ดินดังกล่าวมีบ้านอยู่ 3 หลังเป็นของพ่อ และแม่ 1 หลัง อาศัยรวมกับพี่ชายคนโต อีกหลังเป็นบ้านของตนอาศัยอยู่ 7 ชีวิต ส่วนอีก 1 หลังสภาพเก่าไม่มีคนอยู่ รวมเป็น 11 ชีวิต หากโดนไล่ที่จริง ก็จะไม่มีบ้านอยู่ และก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน ตนและภรรยาเครียดมาก บางครั้งถึงขั้นคิดฆ่าตัวตาย แต่สงสารชีวิตที่เหลือหากตนตายไปพวกเขาจะอยู่กันยังไง จึงอยากขอช่วยให้ทางภาครัฐ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าช่วยเหลือไกล่เกลี่ย ให้พวกตนทั้ง 11 ชีวิตได้มีที่อาศัยต่อไป