เมื่อเวลา 08.30 น. วันนี้ (30 ต.ค. 62) พ.ต.อ.อภิวัชร์ ไชยศรีสุทธิ์ ผกก.สน.ประเวศ พร้อมด้วย พ.ต.ท.ปิยะกรณ์ ศรีวันทา รอง ผกก.สส.สน.ประเวศ พ.ต.ต.ณัฐพงษ์ พินิจ สว.สส.สน.ประเวศ ร.ต.อ.สิทธิชัย บูรณะศักดิ์ไชยศรี ร.ต.อ.กร เกื้อไข่ รอง สว.สส.สน.ประเวศ และฝ่ายสืบสวน ร่วมกันจับกุมตัว นายวสันต์ หรือ เฒ่า ประหยัดทรัพย์ อายุ 39 ปี และ นายจิณณวัตร หรืออ้น โสประชุม อายุ 20 ปี พร้อมของกลางนาฬิกาข้อมือ ยี่ห้อไซโก้ 1 เรือน มูลค่าประมาณ 20,000 บาท จักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนที่ใช้ก่อเหตุ 1 คัน
หลังร่วมกันก่อเหตุขับรถตระเวนไปตามหมู่บ้านหรู ก่อนย่องเข้าไปภายในบ้านแล้วรื้อค้นทรัพย์สินมีค่าหลบหนีไป โดยจับกุมได้ภายในอพาร์ทเม้นทิพย์วรรณ ใน ซ.วัดลานบุญ แขวงและเขตลาดกระบัง กทม. ต่อเนื่องห้องพักเลขที่ 2406 ชั้นที่ 4 นำชัยอพาร์ทเม้นท์ ถนนเจ้าคุณทหาร แขวงลำปลาทิว เขตลาดกระบัง กทม. เมื่อวันที่ 28 ต.ค. เวลา 21.00 น. ที่ผ่านมา
ต่อมาวันที่ 25 ต.ค. เวลาประมาณ 02.30 น. ฝ่ายสืบสวนได้รับแจ้งมีเหตุคนร้ายเข้าไปลักทรัพย์ภายในหมู่บ้านเศรษฐศิริ ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 แขวงและเขตประเวศ กทม. เมื่อทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในหมู่บ้านพบคนร้ายเป็นชาย 2 คน เดินตระเวนในหมู่บ้าน ก่อนฉวยโอกาสปีนเข้ารื้อค้นทรัพย์สินแล้วหนีไป ซึ่งเป็นคนร้ายกลุ่มเดียวกันและก่อเหตุลักษณะเหมือนกัน
พบรถจักรยานยนต์ของกลางจอดอยู่หน้าอพาร์ทเม้นซึ่งมีนายวสันต์ หรือ เฒ่า ประหยัดทรัพย์ ยืนอยู่ข้างรถ และเมื่อนายวสันต์ เห็นเจ้าหน้าที่ได้พยายามเดินหนี เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวก่อนจะเชิญมาสวบสวนที่ สน.ประเวศ ต่อมานายวสันต์ ยอมรับว่าเป็นคนร้ายที่ปรากฏในภาพวงจรปิดจริงโดยร่วมกับ นายจิณณวัตร หรืออ้น ขับรถตระเวนก่อเหตุ เจ้าหน้าที่จึงเดินทางไปจับกุมตัว นายจิณณวัตร ได้ในเวลาต่อมา
จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ให้การตรงกันว่า ได้ร่วมกันลงมือก่อเหตุจริงโดยจะขับรถตระเวนตามหมู่บ้านโดยจะเน้นเฉพาะหมู่บ้านหรู เนื่องจากไม่ค่อยมีคนพลุกกพล่านสะดวกต่อการลักลอบเข้าไปในบ้าน ทำมาแล้วกว่า 10 ครั้ง ในพื้นที่ประเวศ 6 ครั้ง สน.โคกคราม 3 ครั้ง สน.ลาดกระบัง 3 ครั้ง ทรัพย์สินที่ได้มาก็จะนำไปขายแล้วนำเงินมาแบ่งกันใช้จ่ายประจำวัน และเที่ยวเตร่
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ในเคหะสถาน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกในการกระทำผิดหรือรับของโจร ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ประเวศ พร้อมประสาน สน.พื้นที่ ที่คนร้ายเคยไปก่อเหตุมาอายัดตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป