เรื่องเล่า “ช้าง” กะ “เสือ”
วันนี้เป็นวันสิ่งแวดล้อมโลกเลยอยากเล่าเรื่อง “ช้าง” กะ “เสือ”
6 มิย.2561 อีจันถ่อเข้าเมืองไปนั่งฟังงานวิจัยน่าสนใจเกี่ยวกับความต้องการ “งาช้าง” กับ “เสือ”
ของคนไทยในงานนี้มีแต่ฝรั่งจะมีนักข่าวไทยก็นิดหน่อย อีจันก็พยายามเข้าใจซึ่งโชคดีมาก ที่เขาจัดคนแปลให้รอดตายไปอย่างหวุดหวิด
เสือเป็นจ้าวป่าเป็นสัตว์ทรงพลังอำนาจมีความศักดิ์สิทธ์
ถ้ามีเขี้ยวเสือก็จะปกป้องคุ้มครองตัวเองและครอบครัวได้
ด้วยเหตุนี้เสือที่ทรงพลังจึงถูกล่าและขายเขี้ยวขายขนขายหนังให้กับมนุษย์ที่อยากได้
ตกลงใครทรงพลังกว่ากัน ?
ด้วยเหตุความเชื่อจึงทำให้ยังมีการลักลอบซื้อขายงาช้างและส่วนต่างๆของเสืออยู่ในตลาดมืด
ซึ่งมีทั้งที่เปิดเป็นหน้าร้านเป็นของประดับตลาดพระเครื่องหรือวัดซื้อขายผ่านออนไลน์และซื้อกันในกลุ่มปิดซึ่งพวกนี้ถือเป็นของผิดกฎหมาย!!!
ใครมีเบาะแส…แจ้งอีจันหน่อย จะไปพิสูจน์ให้ว่าที่ขายนั้น จริง หรือ ปลอม!!!
งานวิจัยนี้ จัดทำขึ้นภายใต้โครงการ USAID Wildlife Asia ขององค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา(USAID)
มูลค่าของอาชญากรรมสัตว์ป่าผิดกฎหมายทั่วโลก ตอนนี้คาดว่าจะอยู่ระหว่าง 5 ถึงพันล้านดอลล่าร์ต่อปี
ตามพระราชบัญญัติงาช้างของไทยการค้างาช้างที่ได้มาจากช้างเลี้ยงในประเทศไทยถือว่า ถูกกฎหมาย แต่การค้าทุกรูปแบบเกี่ยวกับงาช้างของแอฟริกานั้นผิดกฎหมาย
การค้าผลิตภัณฑ์และชิ้นส่วนจากเสือโคร่งเป็นสิ่งผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ผู้บริโภคผลิตภัณฑ์จากงาช้างและเสือโคร่งดูจะยังมีความสับสนในประเด็นทางกฎหมายเกี่ยวกับงาช้างและเสือ โคร่งหลายคนไม่แน่ใจว่า ผลิตภัณฑ์ชิ้นเล็กๆ ที่พวกเขาครอบครองเป็นของถูกกฎหมายหรือไม่
การจะจัดการกับปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้างความเข้มแข็งให้เครือข่ายผนึกกำลังกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้องและมีใจในการทำงานเดียวกันพร้อมทั้งปรับปรุงความร่วมมือกับประเทศอื่นๆ"
และสนับสนุนการทำงานร่วมกันในภูมิภาค เพื่อลด อาชญากรรมสัตว์ป่าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศกัมพูชาลาวไทยเวียดนามและจีน ชนิดสัตว์ป่าที่โครงการมุ่งเน้น ได้แก่ ช้าง แรด เสือและลิ่น หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาดูที่ www.usaidwildlifeasia.org