สารภาพ! พ่อเลี้ยงใจทราม ข่มขืนลูก ลูกสาวออทิสติก

จากเหตุสุดสลด เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.61 นายชัยยุทธ หรือ นายเอ็ม อายุ 40 ปี ก่อเหตุข่มขืน ลูกเลี้ยง ที่ป่วยด้วยอาการออทิสติก วัย 10 ปี จนหมดสติ เนื่องจากเลือดไหลออกจากอวัยเพศไม่หยุด

พ่อเลี้ยงใจทรามสวมหน้ากากเป็นพลเมืองดี หามร่างไร้สติของ ด.ญ.ขึ้นรถจักรยานยนต์ มาขอความช่วยเหลือจาก นายสมหมาย คนขับรถแท็กซี่ โดยอ้างว่า พบ ด.ญ ถูกทำร้าย และขอให้ช่วยพาด.ญ. ไปส่งโรงพยาบาล โดยอ้างว่าตัวเองจะรีบไปแจ้งความ โดยแจ้ง นายสมหมาย ว่ามีเบอร์ญาติอยู่ในกระเป๋ากางเกงของ ด.ญ นายสมหมาย จึงนำ ด.ญ. ไปส่งที่โรงพยาบาลกระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร และติดต่อไปที่ญาติของ ด.ญ

เมื่อยายของ ด.ญ. เดินทางมาถึง โรงพยาบาลกระทุ่มแบน ยายก็ทำการกระชากหน้ากากพ่อเลี้ยงใจทราม โดยเล่าว่า นายเอ็ม พ่อเลี้ยงของ ด.ญ. มารับจากที่บ้านใน จ.อ่างทอง อ้างว่าจะพาไปหาแม่ที่ทำงานอยู่ที่ จ.สมุทรสาคร จนเกิดเหตุนี้ขึ้นในเวลาต่อมา ยายมั่นใจคนก่อเหตุข่มขืน ด.ญ. คือ “พ่อเลี้ยง” จึงออกหมายจับ นายเอ็ม ทันที

ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธร กระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร เรียกชุดสืบสวนกว่า 20 นายประชุมหารือ เพื่อวางแผนการติดตามตัว นาย เอ็ม จนวันที่ 7 มิ.ย.61 ได้รับเบาะแส จากพนักงานแบงค์ ในอ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ขณะที่นายเอ็ม นำบัญชีเงินฝากของภรรยาไปถอนเงินสดออกจากบัญชี แต่ถอนไม่ได้ ตำรวจจึงประสานกำลังเข้าจับกุมทันที

นายเอ็ม รับสารภาพ ทำร้ายร่างกายและ ข่มขืน ลูกเลียง จริง พร้อมกับเล่าเหตุการณ์ที่สุดแสนจะหดหู่ว่า "หลังจากพา ลูกเลี้ยง มาจากบ้านที่ จ.อ่างทอง ก็พาขับรถจักรยานยนต์มาที่ตึกร้างบางปลา ต.นาคี อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร เพื่อหวังข่มขืน

เมื่อถึงตึกร้างดังกล่าว ก็ทำร้ายร่างกาย ชกต่อยไปที่หน้าท้อง บังคับข่มขืนกระทำชำเราเพราะ ลูกเลี้ยง ขัดขืนไม่ยอมร่วมเพศ เมื่อสำเร็จความใคร่ ก็กลับบ้านไปล้างร่างกายตัวเองที่เต็มไปด้วยเลือดของ ลูกเลี้ยง โดยข่มขูให้ ลูกเลี้ยง อยู่เเต่ในตึกร้าง 

เมื่อกลับมาถึงตึกร้างพบ ลูกเลี้ยง มีอาการอิดโรย เนื่องจากเสียเลือดมาก จึงพาตัวออกไปให้ เเท็กซี่ พา ลูกเลี้ยง ไปส่งโรงพยาบาล"

เวลาประมาณ 15.30 น. ตำรวจคุมตัว นายเอ็ม ไปทำแผนที่ ตึกร้างสถานที่เกิดเหตุ พบหลักฐานสุดสะเทือนใจ ทั้งคราบเลือด จำนวนมากที่ไหลออกมาจากร่างกาย ด.ญ.วัยเพียง 10 ขวบ

ขณะนี้ ด.ญ.วัย 10 ขวบ ได้รับการรักษาจนร่างกายที่บอบช้ำอยู่ในขั้นปลอดภัยแล้ว
แต่หัวใจที่บอบช้ำยิ่งกว่าร่างกายคงต้องใช้เวลาในการเยียวยาไม่น้อย โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลเยียวยา