จากเหตุคนร้ายยิงถล่มป้อมชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) บ้านทุ้งสะเดา หรือบ้านย่อยทางลุ่ม ต.ลำพะยา อ.เมือง จ.ยะลา เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 15 ศพ บาดเจ็บ 5 ราย ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว สร้างความสะเทือนใจและเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ของชาวบ้านในพื้นที่
ภาพจากอีจัน
8 พ.ย. 62 อีจัน ลงพื้นที่ไปยังวัดลำพะยา จ.ยะลา ซึ่งเป็นที่ตั้งบำเพ็ญศพผู้กล้า ชรบ. ที่สละชีวิต ที่นี่อีจันพบกับ น.ส.ธิดารัตน์ ยอดแก้ว เธอคือหนึ่งในผู้สูญเสีย แต่การสูญเสียครั้งนี้ใหญ่หลวงนักเพราะเธอ ต้องเสียทั้งพ่อและแม่ไปในคราวเดียวกัน
น.ส.ธิดารัตน์ บอกกับอีจัน ว่าก่อนเกิดเหตุร้าย ตนเองได้ไปทำกับข้าวให้กับชุด ชรบ. ซึ่งเป็นจุดที่เกิดเหตุ เมื่อทำกับข้าวเสร็จก็ได้เดินทางกลับมาบ้าน จากนั้นพ่อและแม่ก็ออกไปเฝ้าที่ป้อมตามปกติในเวลา 18.00 น.
ภาพจากอีจัน
จากนั้นเวลาประมาณ 5 ทุ่ม ตนก็ได้ยินเสียงระเบิดก็ออกมาดูหน้าบ้าน ซึ่งตนจับพิกัดเสียงได้ว่ามาจากป้อมที่พ่อและแม่ตนเข้าเวรอยู่ พอเสียงทุกอย่างเงียบสนิทแล้ว อาของตนก็โทรมาบอกให้ตนทำใจว่าพ่อไม่ได้อยู่กับเราแล้ว ซึ่งตอนนั้นตนยังไม่รู้ว่าแม่ก็จากไปด้วย
ภาพจากอีจัน
คำที่บอกว่าถ้าไม่เจอกับตัวคงไม่รู้หรอก คำๆ นี้เป็นเรื่องจริง ตนไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้ เคยเห็นแต่คนอื่นเจอเขาร้องไห้ฟูมฟาย เราก็มองว่ามันคือความสูญเสียคนคนหนึ่ง แต่พอเรามาเจอกับตัวเอง ที่ต้องสูญเสียทั้งพ่อแม่ ก็ได้แต่ร้องไห้ทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน แต่วินาทีนั้นเราก็ต้องเข้มแข็ง
และแม้ว่าตนจะเสียใจกับการสูญเสียในครั้งนี้ แต่ก็ภูมิใจที่พ่อกับแม่ได้เสียสละทำหน้าที่อย่างที่ดีที่สุดแล้วพ่อได้ช่วยให้คนรอดชีวิต เพราะคนที่รอดชีวิตมาได้นั้น เล่าว่าพ่อได้ใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้กับกลุ่มคนร้ายจนกระสุนปืนหมด ก่อนที่จะถูกคนร้ายยิงเสียชีวิต
ภาพจากอีจัน
ส่วนลางบอกเหตุร้ายนั้น มีอยู่ช่วงหนึ่งเป็นช่วงที่ตนทำแกงสับนกไหม้ แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นลางบอกเหตุ เพราะตนก็แค่เปลี่ยนหม้อแกงใบใหม่ แล้วก็กลับมาบ้าน
"สำหรับคนที่ก่อเหตุ ก็อยากให้หยุด เพราะก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ถ้าเกิดเราไปทำร้ายคนที่เราไม่ชอบ นั่นคือเราเข้าใจว่าเราไม่ชอบ แต่การที่มาทำร้ายคนที่ไม่เคยทำอะไรให้เลย ไม่รู้จักเราเลย เราคิดในมุมกลับกันเราจะกล้าทำได้ยังไง ในเมื่อเขาไม่ได้ทำอะไรให้เราเลย แต่ว่าเขากลับทำได้ น.ส.ธิดารัตน์ กล่าว
| อ่านข่าวเพิ่มเติม |