วันที่ ( 8 พ.ย. 62 ) เวลา 17.00 น. ร.ต.อ.จักรพงษ์ แต้งต้อม รองสารวัตรสอบสวน สภ.มืองอุดรธานี ทำการสอบปากคำ น.ส.วิไลวรรณ อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาล จ.อุดรธานี ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน” ซึ่งเป็นผู้ที่เกี่ยวข้อง และเป็นผู้ต้องหารายที่ 7 ในคดีแชร์แม่มณี ซึ่งมี นายยุทธพล หล้าดอน อายุ 34 ปี ทนายความของ น.ส.วิไลวรรณร่วมฟังในการสอบปากคำด้วย
ภาพจากอีจัน
นายยุทธพล หล้าดอน เปิดเผยว่า น.ส.วิไลวรรณและแฟนสาว ไม่ได้รู้กันกับแม่มณี เพียงแค่รู้จักกันและแม่มณีได้ชวนให้มาเป็นคนเลี้ยงลูก อายุ 2 ขวบ ให้กับแม่มณีเท่านั้น โดยให้เงินเดือนคนละ 10,000 บาท ทั้งสองคนจึงตกลงมาเลี้ยงลูกให้เป็นระยะ1ปีกว่า ซึ่งแม่มณี จะให้ลูกน้องและคนใกล้ชิดไปทำการเปิดบัญชีธนาคาร พร้อมกับให้ไปเปิดเบอร์โทรศัพท์มือถือ หรือซิมการ์ดใหม่ ของแต่ละคน ยกตัวอย่างเช่น ถ้ามีลูกน้องจำนวน 10 คน จะให้แต่ละคน ไปเปิดบัญชีธนาคารพร้อมกับให้ไปเปิดเบอร์โทรศัพท์มือถือหรือซิมการ์ดใหม่ แล้วแม่มณี ก็ไปซื้อโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ 10 เครื่อง ก่อนที่จะให้ทุกคนทำการสมัครแอพพลิเคชันของแต่ละธนาคาร ที่ไปเปิดบัญชีไว้ ซึ่งแม่มณี ได้เอาโทรศัพท์มือถือทั้งหมดที่ใส่ซิมการ์ดใหม่ไปใช้เอง
โดยแม่มณี ได้ให้เหตุผลกับลูกน้องและคนใกล้ชิดว่า ในแต่ละวันที่ทำการโอนเงินผ่านแอพพลิเคชัน หนึ่งบัญชีจะสามารถโอนได้เพียงวันละ 2,000,000 บาท จึงจำเป็นต้องสมัครบัญชีธนาคาร หลายๆ บัญชี โดยอ้างว่าตนเองทำธุรกิจหลายอย่างรวมถึงเป็นผู้จัดรายการทีวี ต้องโอนเงินไปให้ ดารา หรือ นักแสดง เพราะแต่ละวันเงินเข้าออกเป็นจำนวนมากหลายล้านบาท ทำให้ทุกคนต้องไปเปิดบัญชีธนาคารให้กับแม่มณี ซึ่งน.ส.วิไลวรรณ ก็ไม่รู้ว่าแม่มณีเอาบัญชีธนาคารที่เปิดให้นั้นไปใช้โอนเงินหรือถอนเงินอะไรบ้าง มีเพียงแม่มณี เท่านั้นที่รู้ จึงทำให้มีความผิดไปด้วย
ภาพจากอีจัน
ทั้งนี้ ทนายความ กล่าวอีกว่า น.ส.วิไลวรรณ ไม่รู้เห็นอะไร รวมไปถึงไม่ได้เป็นแอดมินเพจ “ฝากยอดต่ออนาคต” ด้วย ซึ่งแม่มณี ได้นำชื่อ น.ส.วิไลวรรณ ไปใช้เปิดห้างหุ้นส่วนในการเปิดร้านทอง และ น.ส.วิไลวรรณ ยอมรับว่า ได้ไปเปิดบัญชีธนาคารให้กับแม่มณี จริง แต่ตนได้เพียงแค่เงินเดือนค่าจ้างลูกเลี้ยงเท่านั้น ไม่ได้เงินค่าเปิดบัญชี
ภาพจากอีจัน