สกัดจับรถบรรทุกซุกยาบ้า 13 ล้านเม็ด คาด่านแม่พริก

รถบรรทุกขนเฟอร์นิเจอร์ซุกยาบ้า 13 ล้านเม็ด คาด่านแม่พริก

สกัดจับยาบ้า 13 ล้านเม็ดคาด่านแม่พริก



วันนี้ (10 มิ.ย.61) พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร.(ปป) และเจ้าหน้าที่ร่วมกันแถลงผลปฏิบัติการจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญ โดยมีผู้ต้องหา 1 ราย คือ นายสุรศักดิ์ พันธุปาล อายุ 47 ปี


พร้อมของกลาง คือ ยาบ้าประมาณ 13,000,000 เม็ด น้ำหนักรวมประมาณ 1,300 กิโลกรัม ,ตู้เฟอร์นิเจอร์เหล็กใส่เอกสาร จำนวน 30 ตู้ ,โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง,GPS พร้อมซิม ,รถบรรทุกขนส่งสิบล้อไม่ประจำทาง จำนวน 1 คัน


ทราบมาว่า นายสุรศักดิ์ขับรถอออกเดินทางจาก อ.เชียงของ จ.เชียงราย มุ่งหน้าไปส่งสิ้นค้าให้กับลูกค้าที่ อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา ก่อนถูกตำรวจประจำด่านจับได้ที่ด่านแม่พริก อ.แม่พริก จ.ลำปาง เมื่อเย็นวันที่ 5 มิ.ย. 61 ที่ผ่านมา

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
จากการตรวจค้น พบว่าได้บรรทุกเฟอร์นิเจอร์มาเต็มคันรถตำรวจจึงได้นำรถบรรทุกเข้าเครื่องเอกซเรย์แบบอุโมงค์ จนกระทั่งพบยาบ้า ซุกซ่อนอยู่ในตู้เอกสารจำนวนกว่า 30 ตู้ เบื้องต้น ผู้ต้องหาได้ให้การปฏิเสธ ว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับการส่งยา เพราะมีหน้าที่ขับรถขนสินค้าดังกล่าวไปส่งให้ลูกค้าที่ อ.บางประหัน จ.พระนครศรีอยุธยา เท่านั้น
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
การจับกุมไม่จบเพียงเท่านี้ ตำรวจยังติดตามขยายผล จนทราบว่า ขบวนการขนยาเสพติดครั้งนี้ มีการวางแผนเป็นอย่างดี มีการติดตั้งเครื่อง GPS จำนวน 2 ตัวไว้ที่ตู้เอกสารและใส่ไว้ในซ้องเอกสารให้กับคนขับรถ เพื่อเป็นการติดตามความเคลื่อนไหวตลอดเส้นทาง การว่าจ้างบริษัทขนส่งในครั้งนี้มี นายเขม เป็นคนว่าจ้าง และเมื่อตรวจสอบลึกลงไปอีก พบว่ามีการสวมชื่อบุคคลอื่นในการว่าจ้าง ให้ไปรับสินค้าในจุดดังกล่าวแล้ว 7 ครั้ง รวมถึงครั้งก่อนหน้านี้ได้แอบอ้างสวมใช้ชื่อ นายสุวัฒน์ ว่าจ้างให้ไปขนสินค้นจากจุดเดียวกันจำนวน 14 ครั้ง รวมทั้งหมดถึง 21 ครั้ง ตำรวจเชื่อว่าเป็นการลักลอบขนยาเสพติดทุกครั้ง
ภาพจากอีจัน
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติฯ เผยว่า การจับกุมในครั้งนี้มียาเสพติดจำนวนมาก ถือเป็นการตรวจสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่งและเป็นไปตามแผนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ส่วนหน่วยในพื้นที่จะเน้นระดมปิดล้อม ตรวจค้น จับกุม ผู้ค้า และผู้เกี่ยวข้อง เน้นเป้าหมายเครือข่ายภายในหมู่บ้าน/ชุมชน แหล่งท่องเที่ยว สถานบริการ จากรายย่อยจนถึงรายใหญ่ ให้ถึงที่สุด โดยใช้มาตรการยึด/อายัดทรัพย์สิน ตาม พ.ร.บ.มาตรการ ปราบปรามยาเสพติด 2534 และ พ.ร.บ.ฟอกเงิน 2542 อย่างเคร่งครัด