เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2562 ตอนประมาณ 21.10 น. ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว “Thon Thamrongnawasawat” ซึ่งเป็นภาพของความสูญเสียอีกแล้ว…
ใช่ค่ะ พะยูนเกยตื้นตาย อีกแล้ว ครั้งนี้เกิดขึ้นที่เกาะลันตา
ภาพจากอีจัน
ผศ.ดร.ธรณ์ ได้โพสต์ภาพนี้ หลังจากมีรายงานจาก กรม ทช. โดยสำนักงาน ทช.ที่7 (ตรัง) ร่วมกับนายอำเภอเกาะลันตา อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา ประมงอำเภอ และประชาชนในพื้นที่ ตรวจพื้นที่หลังรับแจ้งพบการตายของพะยูนจาก เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา ว่าพบซากบริเวณ ม.1 บ้านหัวแหลม 3 ต.เกาะลันตาใหญ่ อ.เกาะลันตา จ.กระบี่
โดย ผศ.ดร.ธรณ์ เขียนข้อความถึงภาพดังกล่าวว่า “พะยูนตายอีกแล้วครับ ที่เกาะลันตา นับเป็นตัวที่ 23 ในปีนี้ มากเกินกว่าปีไหนๆ ที่ผ่านมา ตลอดทั้งปีมีพะยูนเกยตื้น 23 ตัว เกยตื้นแบบมีชีวิต 2 ตัว คือ มาเรียม กับ ยามีล แต่สุดท้ายก็จากไป
พะยูนไทยมีประมาณ 250 ตัว ปีนี้ตาย 23 ตัว เกือบ 10% ของประชากรทั้งประเทศ นับว่าน่าเป็นห่วง
หากดูแบบเจาะจงพื้นที่ พะยูนแถวกระบี่/ตรัง/อ่าวพังงา มีอยู่ราว 200 ตัว ตาย 21 ตัว สัดส่วนเกิน 10% ถือว่าถูกคุกคามจนมีความเสี่ยงสูง (ควรอยู่ประมาณ 5% หากให้มีการทดแทนตามธรรมชาติให้ทัน)
ภาพจากอีจัน
ทางออกคงเหลือแค่การผลักดันแผนพะยูนแห่งชาติ/มาเรียมโปรเจ็ค ที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการทะเลแห่งชาติเรียบร้อยแล้ว ให้ผ่าน ครม. เพื่อให้เกิดผลปฏิบัติให้เร็วที่สุด
หวังว่าคงเป็นพะยูนตัวสุดท้ายของปีนี้ ปีที่เราสูญเสียพะยูนมากเหลือเกิน
จากหูฉลามถึงพะยูน ทะเลไทยในปีนี้มีเรื่องเศร้าเต็มไปหมด
ความหวังก็อยู่ที่คนไทย เราจะช่วยกันได้แค่ไหน
เพื่อนธรณ์ ที่ไม่ได้มีอาชีพหน้าที่เกี่ยวข้องโดยตรง เราก็ยังช่วยได้ และช่วยได้เยอะด้วย
ช่วยๆ กันลดพลาสติกใช้แล้วทิ้งให้มากที่สุด นั่นคือสิ่งที่เราอาจช่วยพะยูนและสัตว์ทะเลได้บ้างครับ”
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้น ซากพะยูนดังกล่าว มีขนาดความยาว 2.7 ม. กว้าง 51 ซม. อวัยวะทุกส่วนครบถ้วน ไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย จึงได้นำซากพะยูนส่งศูนย์วิจัย ทช. ทะเลอันดามัน เพื่อตรวจสอบหาสาเหตุการตายต่อไป
ขอบคุณภาพเเละข้อมูล : กรมทรัพยากรทางทะเลฯ