อธิบดีอุทยานฯ ร่อนหนังสือแจง ยันทำงานโดยสุจริต ไม่เคยคิดทุจริตเพาะกล้าไม้ สั่งฟ้องกลับคนปล่อยข้อมูลเท็จ

อธิบดีอุทยานฯ โต้กลับ ไม่เคยทุจริตงบเพาะชำกล้าไม้ 108 ล้านบาท ยันทำงานด้วยความสุจริต เตรียมสั่งฟ้องกลับคนปล่อยข่าวเท็จ

จากกรณีปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายวิจารย์ สิมาฉายา สั่งสอบ นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช

ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต กรณีโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณบุคลากรไปเป็นงบเพาะชำกล้าไม้ ในวงเงิน 108 ล้านบาท

ขณะดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมการปลูกป่า กรมป่าไม้ เมื่อปีงบประมาณ 2553 และมีการเรียกเงินทอน 50 เปอร์เซ็นต์

ภาพจากอีจัน


ล่าสุด สอบ นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้ร่อนหนังสือยืนยันความสุจริตของตนเอง หากพบว่าใครปล่อยข้อมูลเท็จ ทำให้เกิดความเสื่อมเสียจะทำการฟ้องกลับทันที โดยมีคำชี้แจงว่า
การอนุมัติเพื่อโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณ เป็นอำนาจของอธิบดีกรมป่าไม้ ซึ่งในขณะนั้นตนเป็นเพียงผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมการปลูกป่า ไม่มีอำนาจในการอนุมัติแต่ประการใด


สำหรับการจัดหาเมล็ดไม้ ก็ได้ดำเนินการจัดหาจากแหล่งที่มีเมล็ดไม้ค้างปี
เทคนิคการเพาะชำในช่วงฤดูฝนก็สามารถใช้โรงเรือนที่มีหลังคาแบบระบบปิด ซึ่งสามารถปฏิบัติงานได้เป็นปกติในทุกฤดูกาล สามารถป้องกันน้ำที่อาจก่อให้เกิดเชื้อรากับเมล็ดไม้ หรือทำให้กล้าไม้รากเน่า และกล้าไม้ที่เพาะก็ใช้สำหรับแจกจ่ายในปีถัดไป ไม่ได้ถูกกำหนดให้แจกจ่ายให้หมดภายในระยะเวลา 1 เดือน ตามที่เป็นข่าว

ภาพจากอีจัน


สำหรับประเด็น ตามที่ระบุในข่าวว่ามีคำสั่งจากปลัดกระทรวงฯ ให้สอบอธิบดีฯนั้น เรื่องนี้ ทราบว่าได้มีหนังสือร้องเรียนอธิบดีฯ เกี่ยวกับการทุจริตเพาะชำกล้าไม้ เมื่อครั้งยังดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมการปลูกป่า กรมป่าไม้ ดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้หากปลัดกระทรวงฯ เห็นว่ามีความจำเป็นจะต้องแต่งตั้งคณะกรรมการมาตรวจสอบในเรื่องนี้ ตนก็พร้อมที่จะให้มีการตรวจสอบ

เนื่องจากมั่นใจว่ากระบวนการทุกอย่างได้ดำเนินการโดยสุจริต โปร่งใส และถูกต้องตามขั้นตอน
และขอเรียนยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่า ไม่มีการทุจริตเงินทอนตามที่เป็นข่าวอย่างแน่นอน อีกทั้งตนเองยังเป็นผู้วางแนวทางการทำงานอย่างโปร่งใสให้กับกรมอุทยานแห่งชาติฯ ในยุคปัจจุบัน


จนทำให้ยอดการจัดเก็บเงินรายได้อุทยานแห่งชาติเพิ่มขึ้นจากปีพ.ศ. 2557 ซึ่งจัดเก็บได้จำนวน ๖๙๖ ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น ๒,๔๑๓ ล้านบาท ในปี 2560 และคาดว่าภายในสิ้นปี 2561 นี้จะมียอดการจัดเก็บเงินรายได้อุทยานฯ เฉียด 3,000 ล้านบาท จึงเป็นสิ่งที่ยืนยันในความมุ่งมั่นและความตั้งใจจริงของตน ในการสร้างความโปร่งใสให้กับองค์กร

ภาพจากอีจัน


อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้ดำเนินการฟ้องร้องบุคคลที่เคยกล่าวหาเรื่องการทุจริตเพาะชำกล้าไม้ดังกล่าวมาแล้วครั้งหนึ่ง โดยได้มีการแจ้งความดำเนินคดีอาญาไว้ที่สถานีตำรวจนครบาลบางเขน เมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๖๐ เวลา ๑๕.๐๐ น.

สำหรับกรณีที่มีการลงข่าวพาดพิงอีกครั้ง จะพิจารณาว่าการเสนอข่าวในครั้งนี้ มีเนื้อหาเป็นการเจตนาที่มุ่งหวังเพื่อให้เกิดความเสื่อมเสียแก่ชื่อเสียงของตน และเป็นการสร้างความเข้าใจผิดแก่สังคมหรือไม่ หากเป็นการจงใจเจตนาให้เกิดความเสียหายแก่ตน ก็จะพิจารณาฟ้องร้องดำเนินคดีผู้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม ต่อไป