จากรณีเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2562 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 12.30 น.เกิดเหตุคนร้ายได้ใช้อาวุธปืนยิงนายโกวิทย์ หวังทวีทรัพย์ นักวิชาการปาไม้ชำนาญการ หัวหน้าโครงการจุฬาภรณ์ 7 เสียชีวิต ขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ อยู่ในซอย บนถนนอาคารสงเคราะห์ 4 ต.สะเตง อ.เมืองยะลา จ.ยะลา
ซึ่งภายหลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามสืบสวน และสามารถจับกุมผู้ต้องหาที่ร่วมกันก่อเหตุในครั้งนี้ได้ทั้งหมดจำนวน 3 ราย
พลตำรวจโทรณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 เปิดเผยว่าหลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้ทำการติดตามสืบสวน จากพยานหลักฐานที่ได้ เป็นของกลางที่ในที่เกิดเหตุ หัวกระสุนปืนที่ศพจำนวน 1 ชิ้น และภาพจากกล้องวงจรปิด จึงได้การดำเนินการสืบสวน จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบ รถต้องสงสัย ตรวจสอบชื่อผู้ครอบครองนางสาวอาซีซะ กาหม๊ะ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่บัญชีอยู่ที่สำนักงานป่าไม้จังหวัด ส่วนรถจักรยานยนต์อีกคันมีผู้ชายเป็นผู้ขับขี่ และผู้ชายอีกคนที่เป็นผู้ก่อเหตุยิงนายโกวิทย์เป็นผู้ซ้อนท้าย
ตำรวจจึงเชิญตัว นางสาวอาซีซะ กาหม๊ะ มาซักถามและให้ดูภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งนางสาวอาซีซะ กาหม๊ะ ให้การรับว่าตนเองเป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ตามภาพกล้องวงจรปิดดังกล่าวจริง และผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์อีกคันหนึ่งคือ นายตรีย์นภัทร สุวรรณปฏิพัธ์
ต่อมาเจ้าหน้าที่จึงได้เชิญตัว นายตรีย์นภัทร ตามการซัดทอด มาชักถามและให้ดูภาพจากกล้องวงจรปิด โดยนายตรีย์นภัทร ให้การรับว่าตนทำหน้าที่เป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ และได้ให้การยืนยันว่าบุคคลที่ซ้อนท้ายรถคันของตน คือ ด.ช. อายุ 14 ปี เป็นผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงนายโกวิทย์ฯ
พนักงานสอบสวนได้ขออนุมัติศาลจังหวัดยะลาออกหมายจับ ทั้งสามคนในข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ใครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร
โดยสาเหตุของการลงมือก่อเหตุในครั้งนี้ มาจากความขัดแย้งจากการทำงานในสำนักงานปาไม้จังหวัด ซึ่งนางสาวอาซีซะ กาหม๊ะ เป็นลูกน้องภายในที่ทำงาน และหวังจะเลื่อนตำแหน่ง อีกทั้งการขัดผลประโยชน์ทางการเงินอีกบางส่วน จึงได้จ้างวานให้คนรู้จัก คือนายตรีย์นภัทร สุวรรณปฏิพัธ์ ร่วมก่อเหตุสังหาร นายโกวิทย์ หวังทวีทรัพย์ โดยนายตรีย์นภัทร สุวรรณปฏิพัธ์ ได้หลอกให้ ด.ช. อายุ 14 ปี เป็นผู้ลงมือยิง นายโกวิทย์ จนเสียชีวิต
โดยผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ได้สรุปเหตุดังกล่าว เป็นเรื่องความขัดแย้งส่วนตัว ไม่ใช่เหตุสถานการณ์ความมั่นคงในพื้นที่ ซึ่งผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมก็จะถูกดำเนินคดีตวามกฏหมายต่อไป