ชัยวัฒน์ ยืนยัน ไม่ได้เผาบ้านกะเหรี่ยงเพื่อไล่ที่

ศาลปกครองสูงสุดตัดสิน กรมอุทยานฯ ทำเกินกว่าเหตุเผาบ้านกะเหรี่ยงในอุทยานฯ แก่งกระจาน แต่นายชัยวัฒน์ ยืนยันว่า ไม่ได้เผา

เปิดบทสัมภาษณ์เปิดใจทนายสุรพงษ์ กองจันทึก ถึงเหตุการณ์ เผาบ้านกะเหรี่ยงไล่ที่ ในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานไปแล้ว

มาดูบทสัมภาษณ์จาก หัวหน้าอุทยานแก่งกระจานในขณะนั้น คือ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร กันบ้าง

ถึงแม้ศาลปกครองสูงสุดจะตัดสินไปแล้ว ว่ากรมอุทยานแห่งชาติฯ กระทำเกินกว่าเหตุ เป็นการลิดรอนสิทธิมนุษยชน

แต่ นายชัยวัฒน์ ก็ยังคงยืนยันว่า ตนเองและ เจ้าหน้าที่ไม่ได้เผาบ้านกะเหรี่ยง

ภาพจากอีจัน


อีจัน : มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริงไหมคะ
นายชัยวัฒน์ : ไม่มี โถ่ ถ้ามีเราก็จับไปแล้ว เราบอกเราไม่เคยจับใครสักคนหนึ่ง แล้วก็ไปก็ไม่มีใครอยู่บ้านสักคนหนึ่ง
อีจัน : 6 คนนี้ไม่รู้จัก
นายชัยวัฒน์ : ไม่มี ไม่มีใครอยู่ ไม่มีใครอยู่ ผมเอาหัวเด็ดตีนขาดเลย เอาหัวเป็นประกันเลยว่า ถ้าคน 6 คนนี้อยู่ แล้วอยู่ในเหตุการณ์หรือว่ามาชี้แจงว่าตัวเองอยู่แล้วก็แอบดู ผมเอาหัวเด็ดตีนขาด ไม่มีร้อยเปอร์เซนต์


อีจัน : ปืนจี้หัวให้ออกจากบ้าน
นายชัยวัฒน์ : ก็นี่ไง ถึงบอกว่าสิ่งที่มันเป็นอยู่ทุกวันนี้มันจะเป็นการโกหกหรือไม่ ถามว่าเราเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเราไปกันเป็นร้อย เอางี้แล้วกันโกหกหรือไม่โกหก ฟังผม มีคนพูดถึงว่า ผมเอาปืนไปจ่อหัวปู่คออี้ แล้วก็ล็อคคอ แล้วก็ลากลงจากเรือนมา แล้วก็ให้ลูกน้องเผาบ้าน พระพุทธอยู่ด้านซ้าย รูปในหลวงอยู่เต็มห้องนี้เลย

ผมถามว่าถ้าผมทำอย่างนั้นจริงๆ แล้วผมคงไม่ต้องมาพูดอย่างนี้ ผมไม่ต้องมาต่อสู้อย่างนี้หรอก ต้องถามปู่คออี้ แกพูดแบบนี้ทำไม ถ้าพูดถึงปู่คออี้ถามว่าเราเสียใจ เราเสียใจที่สุดในการที่ช่วยเหลือปู่คออี้ลงมาในครั้งที่เกิดเหตุ ผมนั่งอยู่อย่างนี้แหละ แล้วลูกสาวเขามานั่งคุกเข่า


อีจัน : อยู่ที่ไหน
นายชัยวัฒน์ : อยู่ที่บ้านโป่งลึก-บางกลอย คือหน่วยพิทักษ์ป่า ห้วยแม่เสรียง ห้วยแม่เสรียงก็คือบ้านโป่งลึก คือหมู่บ้านที่มีชุมชนอยู่ มีบ้านเลขที่อยู่ 57 ครัวเรือน ที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ สร้างให้นั่นแหละ

ก็มานั่งคุกเข่า ตอนนั้นเราปลูกกัญชาอยู่ มีปปส. มีทุกหน่วยงานอยู่ ก็ใช้ฮ. ยกไปปราบปรามกันอยู่ เขาไปนั่งคุกเข่า

ผมไม่รู้เป็นใครก็ใส่แว่นสีดำ ตาเขาจะเป็นต้อ เขาไปลอกตามา ผู้หญิงใส่แว่นกลมๆ ใหญ่ๆ เขามานั่งคุกเข่า เขามาพูดผมก็ไม่ได้สนใจอะไรนะ ผมพูดตรงๆ เขาก็พูดไทยก็บอกว่าหัวหน้าช่วยไปเอาพ่อให้หน่อย พ่อเดินไม่ไหว จะเอาให้มาตายข้างล่าง

แล้วผมพูดอย่างนี้เพราะอะไร เพราะผมจำคำพูดจากเขาได้ ผมจะโกหกทำไม แล้วถามเขาสิทุกวันนี้ ไปถามลูกผู้หญิงคนนี้ที่เป็นเนี่ย

ภาพจากอีจัน


อีจัน : ยังอยู่ไหม
นายชัยวัฒน์ : ผมไม่แน่ใจว่าเขาอยู่หรือเปล่า หรือว่าเขาอยู่ตรงไหน ลองไปถามว่าใช่ไหม เขาใช่ไหมคนมาขอผม มันพิสูจน์ง่ายกว่านั้นอีกนะ ใช่ไหม มันพิสูจน์ที่ว่าผมจะต้องมาอธิบายรูปภาพหรือว่าปู่คออี้ถูกล็อคคอ ไปถามเขาดิ จริงไหมว่า เขามาคุกเข่าขอผม แล้วผมก็บอกไม่ๆๆ ไม่ยุ่ง ผมพูดด้วยความที่ว่า วันนั้นด้วยความรู้สึกผมนะ ผมพูดตรงๆ ผมไม่สนใจเขาเลย แล้วผมบอกไม่ยุ่งๆๆๆ

ตอนนี้เราทำเรื่องปราบกัญชาอยู่อย่ามาคุยกับผม คืออารมณ์เราเนี่ยกำลังโมโหอยู่ พวกคุณปลูกกัญชา คุณไปทำกันแบบนี้ แล้วคุณจะมาขออะไรผม

พอลูกสาวลุกขึ้นไปเนี่ย อีกไม่นาน แกก็มาอีก เพราะแกมานั่งปั๊บเราก็จับแกนั่งเก้าอี้ ผมบอกนั่งเลย คุยมาว่าจะเอาไง ปู่ตาเสียเดินจะตกเรือนหัวหน้าช่วยไปเอาปู่มาให้หน่อย จะเอามารักษา ผมถามด้วยสามัญสำนึกของคน คุณจะหาว่าผมโหดร้ายจากภาพพจน์ที่คุณมอง ไปหาผู้ใหญ่บ้านมา ไปเอาผู้ใหญ่บ้านมา อารมณ์ผมพูดแบบนี้ แล้วผมลักษณะเป็นคนอย่างนี้ ผมบอกไปเอาผู้ใหญ่บ้านมา เขาไปเอาลีปาก็มาคนนึง

ลีปาก็ก็คือ ปัจจุบันนี้เป็นผู้ใหญ่บ้านแทนผู้ใหญ่ลอยที่ตาย แล้วก็ผู้ใหญ่ลอยที่ตายนี่แหละไปกับลีปาก้อ 2 คน ผมก็ให้เอาฮ. ไป 2 ลำ ผมก็บอกว่าให้ปู่คออี้เนี่ย นั่งหลังหรือว่าล็อคตรงกลางให้คน 2 คนประกบปู่ไว้ เดี๋ยวถ้าปู่แกขึ้นเครื่องแล้วแกไปล็อคกัปตันฮ. ตกทั้งลำ ผมซวยตาย ผมยังพูดอย่างนี้ด้วยซ้ำ แล้วผมก็เตือนเขาไว้ทำดีๆนะ ผู้ใหญ่ลอยไป ลีปาก็ไปใช่ไหม ก็โอเค


อีจัน : พี่ให้ไปกี่คน
นายชัยวัฒน์ : ทหารไป เจ้าหน้าที่เราไปแล้วก็อุทยานไป ฮ. 2 ลำก็นั่งกันไปก็ประมาณสักน่าจะ 6 คน
อีจัน : พี่ไปไหม
นายชัยวัฒน์ : ผมไม่ได้ไป โถ่ ผมบอกว่าถ้าผมโกหกในการเรื่องเล่าในกลุ่มชาติพันธุ์ ผมมีอันเป็นไป ให้ผมเกิดอะไรก็ได้ ผมพูดทุกร้อยครั้ง สิบครั้งร้อยครั้ง ผมพูดอย่างนี้ตลอด


อีจัน : มีใครอยู่ในเหตุการณ์นี้ไหม
นายชัยวัฒน์ : ทุกวันนี้ลีปาก็ยังอยู่ ไปถามเลยอบต.นิรันด์ ตอนนี้เป็นผู้ใหญ่บ้านชื่อนิรันด์แล้วก็ครูเนาว์ แต่ผมไม่แน่ใจว่าครูเนาว์ไปด้วยหรือไม่นะ แต่ครูเนาว์คนประคองปู่คออี้ลงมาจากฮ.
อีจัน : พี่เห็นปู่คออี้ลงจากฮ. ไหม
นายชัยวัฒน์ : เห็น ผมนั่งอยู่นี่แหละ นั่งที่เดิมนี่แหละ แล้วตอนปู่คออี้ลงมาจากฮ.  แกก็เหมือนจะหน้ามืด แกก็มานั่งอยู่ข้างๆ


อีจัน : หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น
นายชัยวัฒน์ : ก็เอารถไปส่งแก
อีจัน : ที่?
นายชัยวัฒน์ : ก็ไปส่งแกที่บ้าน
อีจัน : บ้านน้องผู้หญิง
นายชัยวัฒน์ : ใช่ ครอบครัวเขานี่แหละ แต่เราก็บอกว่า เอารถไปส่งแกถึงโรงพยาบาลเลยนะ เพราะแกต้องไปรักษาตา ผมนี่ต่อเนื่องจนถึงว่าเอาแกไปรักษาตาจนหาย ผมถึงบอกว่าผมเจ็บใจไหม ทุกวันนี้ผมเจ็บใจไหม เจ็บใจนะ

ภาพจากอีจัน


อีจัน : แล้วแกรู้จักพี่ไหม
นายชัยวัฒน์ : แกไม่รู้จัก
อีจัน : แกรู้จักชื่อไหม
นายชัยวัฒน์ : ไม่รู้จักหรอก
อีจัน : แกรู้ไหมว่าพี่ช่วย
นายชัยวัฒน์ : ทุกวันนี้ผมยังน้อยใจทุกวันนี้ไง ว่าปู่คออี้ทำกับผมแบบนี้ได้ยังไง เจ้าหน้าที่ผมพาแกมาไปรักษาตาจนหาย แต่วันนี้พวกผมกลับมาเป็นฆาตกรไปเผาบ้านแก แล้วที่สำคัญเนี่ย มันมีสตอรี่อยู่ สตอรี่ก็คือมีคนทำเทปออกมาขาย

อีจัน : เทป
นายชัยวัฒน์ : เทปเป็นแผ่นซีดี เทปนี้เขาเขียนว่าฟรีบิลลี่ หลังจากบิลลี่หายไปก็มีเทปอันนี้ออกมา แล้วปู่คออี้ถูกกระทำลักษณะคือไปทำตัวเองอยู่ในเพลิงพัก แล้วก็ได้ยินเสียงเฮริคอปเตอร์ เป็นซาวด์เฮริคอปเตอร์บิน ตึ๊บๆๆๆ อยู่บนหัวแกนี่แหละ

หลังจากนั้นลุงแกก็กระถัดตูดแล้วแกก็วิ่งหนี แล้วก็มีคนชุดพรางไปเผาบ้าน ทำซีดีแบบนี้มา ผมถามว่าทำแบบนี้ ทำทำไม ปู่ก็เป็นนักแสดงอีกคนหนึ่ง ที่ทำแบบนี้กับพวกเรา

อีจัน : เพื่อ
นายชัยวัฒน์ : ผมอยากถามว่าเพื่อ ไม่ให้ถามผม ผมถามว่าทำเพื่ออะไร ทำเพื่อให้ผมออกจากพื้นที่เท่านั้นเอง
อีจัน : มันมีถ้อยคำที่พูดว่า เจ้าหน้าที่พยายามเอาออกจากบ้านนำตัวขึ้นเฮริคอปเตอร์ ระหว่างนั้นได้ขอร้องเจ้าหน้าที่ขอเก็บของและทรัพย์สินในบ้าน เพื่อนำติดตัวลงมาด้วย อย่าทำร้ายยุ้งฉางของตน

แต่เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้นำทรัพย์สินใดๆ ลงมา จึงมีเพียงเสื้อผ้าชุดเดียวที่สวมใส่เท่านั้น

ภาพจากอีจัน


นายชัยวัฒน์ : ใครนี่คือปู่คออี้ใช่ไหม
อีจัน : ใช่ปู่พูด
นายชัยวัฒน์ : ปู่เป็นคนพูดเลยล่ะ ก็นี่ไง ก็ผมถึงบอกว่า
อีจัน : ภายหลังจึงได้ทราบว่าบ้านและทรัพย์สินในบ้านถูกเผาทั้งหมด ยุ้งฉางและข้าวด้วย
นายชัยวัฒน์ : คนที่ควรพูดนี่คือใคร ควรเป็นผู้ใหญ่ลอย กับลีปาก็เท่านั้นนะ ฟังภาษารู้ ก็มี 2 คนนี้เอง ก็เจ้าหน้าที่เราไป ไม่มีใครพูดภาษาปู่คออี้ได้เลยสักคนเดียว แล้วปู่คออี้พูดกับใคร ถามว่าพูดกับใคร ก็เป็นการสร้างเรื่องทั้งหมด

ผมบอกแล้วว่า วันนี้เราก็ถามลีปาก็แล้วว่า เฮ้ย ที่คุณขึ้นมากับเจ้าหน้าที่ผมเนี่ย เจ้าหน้าที่ผมไปเผาตรงไหน ถามว่าคุณได้ยินจริงเหรอ คุณได้ยินเสียง ไม่ได้ยินหรอกครับ


อีจัน : เสียงอะไร
นายชัยวัฒน์ : เขาบอกว่าได้ยินเสียงไม้ไผ่มันไหม้โป๊ะปะๆ ผมถามว่าอยู่ในฮ. คุณได้ยินเสียงไม้ไผ่ไหม้เหรอ ผมถาม ผมถามด้วยความตลก

หลังจากนั้นไม่นาน มันมีข่าวว่าผมไปลากปู่คออี้ลงมา โดยเอาปืนจ่อหัว แล้วผมก็บ่นกับลูกน้อง เผอิญวันหนึ่ง ผมถูกย้ายไปอยู่ปราจีน ลูกน้องบางคนมันมา ผมบอก เฮ้ย วันนั้นใครไปบ้างวะ ยุทธการและไปบ้านปู่คออี้เนี่ย


ตอนช่วยปู่คออี้มีใครบ้าง มันก็บอกผมไป เฮ้ย วันนั้นใครถ่ายรูปบ้างวะ ผมถ่าย โอ้โห เชื่อไหม มันไปหารูปมาได้ ปี 57 ลองคิดดู ปี 54 ไปได้รูป ปี 57 ผมถึงได้รูปปริ้นนั้นน่ะมา ว่ารูปที่เขาถ่าย รูปปู่คออี้เนี่ย ในรูปถ่ายถ้าคุณไปย้อนดู มีเด็กๆ ยืนอยู่บนบ้าน บ้านปู่คออี้


อีจัน : แสดงว่าอยู่หลายคน
นายชัยวัฒน์ : ปู่คออี้ไม่ได้อยู่คนเดียว เอาปู่คออี้ลงมา เสร็จแล้วเผาบ้านปู่คออี้เนี่ย เด็ก 5-6 คนน่ะ ตายหมด แล้วตายไหมล่ะ ผมอยากให้ตาย 5-6 คนมายืน ทุกวันนี้ตายไหมล่ะ มันต้องตอบผมไง แล้วผมเอามาแฉทุกวันนี้ ผมถามว่าที่พูดกับผม ว่าผมลากปู่คออี้ เป็นผมนี่นะ เอาปืนจ่อหัว

แต่สุดท้ายไม่ใช่ผมแล้ว มีทหารประคอง มีลีปาก็ประคอง ผู้ใหญ่ลอยประคองลงมา มันเป็นผมไหมล่ะ คนที่ไปเผาฉางข้าว ที่มีข้าวอยู่เนี่ย มันก็ไม่ใช่คน มันเป็นเดรัจฉาน แต่คนที่มาเอาภาพลักษณ์ คนที่มาเอาใส่เนี่ย ผมเชื่อว่าคนที่มาเอาภาพ ที่เป็นการสร้างภาพมา ใส่ร้ายป้ายสีเจ้าหน้าที่อุทยาน คนนั้นก็คือ เดรัจฉานเหมือนกัน

นายชัยวัฒน์ : แล้วหลังจากนั้นปู่คออี้ขึ้นฮ. เสร็จปั๊บ แล้วมีเจ้าหน้าที่ไปเผาบ้าน แล้วเด็ก 5 คนที่อยู่บนบ้านมันตายไหมล่ะ มันต้องตายสิ คนต้องตาย ถูกไหม มันต้องมีคนตายในบ้าน แต่มันมีคนตายไหมล่ะ คือการสร้างสถานการณ์การเขียนโดยที่ไม่มีใครรู้เลย ผมถามว่ากรรมการสิทธิ์อ่ะ แม้กระทั่งสุรพงษ์ กองจันทึก เคยไปในพื้นที่ไหม

ภาพจากอีจัน


อีจัน : เขาบอกเขามีรายงานของกรรมการสิทธิ์เรื่องนี้ใช่ไหม
นายชัยวัฒน์ : ก็มันรายงานก็มันเขียนกันเองไง


อีจัน : พี่มีรายงานฉบับนั้นไหม
นายชัยวัฒน์ : ผมไม่มี คือผมไม่อยากรับรู้เรื่องของเขาอยู่แล้วเพราะว่า กรรมการสิทธิมนุษยชน ไม่เคยเดินไปในบ้านของทุกคน แม้ก้าวเดียว เคยเดินก้าวผ่าน บ้านโป่งลึกบางกลอย ที่เป็นหมู่บ้านตรงนั้น วนอยู่ในหมู่บ้านตรงนั้น

แล้วชาวบ้านทุกคนก็เลย เข้าใจว่า หมู่บ้านโป่งลึกบางกลอย ก็คือหมู่บ้านตรงนั้นที่ ผมไปเผาบ้านเขา มันใช่ไหมล่ะ

นายชัยวัฒน์ : คือเข้าใจไหม

อีจัน : ตกลงพี่รู้หรือยังว่าจุดที่เผาคือตรงไหน
นายชัยวัฒน์ : ไม่รู้ ผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขา บอกว่าผมไปเผาบ้านแกตรงไหน เพราะบ้านปู่คออี้ไม่ได้

คือต้องแบ่งเป็น 2 ส่วนก่อนนะ มันมีนักท่องเที่ยว มีคนที่รู้จัก บ้านโป่งลึกบางกลอย ที่เคยไปเที่ยวหมู่บ้าน แล้วก็มีข่าวว่าผมเนี่ย นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้นำอุทยานแห่งชาติ แก่งกระจาน ไปเผาบ้านโป่งลึกบางกลอย เขาเข้าใจว่าผมไปเผาหมู่บ้านที่สมเด็จพระนางเจ้า จัดสรรไว้ให้ คนก็เลยซ้ำเติมกับผมไปใหญ่

จริงๆ แล้วมันไม่ใช่หมู่บ้านนี้ หมู่บ้านโป่งลึกบางกลอย บางกลอยบนเนี่ย มันคือหมู่บ้านเขาไปบุกรุกป่า ในชายแดน มันคนละหมู่บ้าน

ภาพจากอีจัน


นายชัยวัฒน์ : วันนี้ต้องเคลียร์ความรู้สึกชาวบ้านที่เข้าผิดกันว่า ผมเนี่ยไปเผาหมู่บ้านโป่งลึกบางกลอย หมู่บ้านที่เคยมีจิตอาสา มีคนอาสาไปเลี้ยงเด็กเลี้ยงข้าวเด็ก เขาเข้าใจว่าผมไปเผาบ้านตรงนั้น
อีจัน : จะเผาทำไมตรงนั้น
นายชัยวัฒน์ : ก็คนทั่วไปเขาไม่รู้ไง เขาเคยไปเที่ยวแล้วเขาก็เข้าใจว่า ข่าวออกมาว่าเป็นบางกลอย มันก็เป็นบางกลอย ที่เป็นหมู่บ้านบางกลอย ที่มีเด็กนักเรียน โรงเรียนอนุบาล มีศูนย์เด็กเล็กมีอะไรอยู่ เขาเข้าใจว่าผมไปทำตรงนั้น

แต่บ้านปู่คออี้เนี่ย ผมไม่เคยเห็นไม่เคยไป ผมไม่เคยรู้ด้วยซ้ำ แต่ผมเพิ่งมาเห็นรูป


อีจัน : พอพี่ถูกฟ้องศาลปกครอง เลยไม่ได้มีการนำสืบใช่ไหม
นายชัยวัฒน์ : ไม่มีการนำสืบ ก็ฟ้องโดยใช้เอกสาร
อีจัน : ก็เลยไม่รู้ว่าปู่คออี้พูดอะไร
นายชัยวัฒน์ : ใช่ผมไม่เคยรู้เลย เขาจะฟ้องอะไร เขาเขียนเอกสารอะไรไป บางทีเขาเขียนเราก็ตอบโต้เฉพาะสิ่งที่เรามีอยู่ เราก็ตอบโต้โดยใช้เอกสารที่เรามี เราไปทำงานตรงไหน เราไปทำยุทธการ 9 ครั้ง เราก็ให้ศาลดูทั้ง 9 ครั้ง เราทำอะไรมา เรามีเอกสาร
อีจัน : พี่ก็คือไม่เคยได้เจอกับปู่ ไม่ได้มีความสัมพันธ์ ไม่ได้มีความแค้น
นายชัยวัฒน์ : ไม่มี ไม่มีเลย ผมจะไปแค้นเคืองกับปู่เรื่องอะไร


อีจัน : แล้วอีก 5 คนล่ะคะ
นายชัยวัฒน์ : ผมรู้จักเลยสักคนเดียว นามสกุลพุกาด ในหมู่บ้าน ผมไม่รู้จักใครเลยสักคนหนึ่ง แล้วก็มาแอบอ้างว่าตนเองเนี่ย ไปถูกเจ้าหน้าที่เผา แล้วก็มาลงชื่อ เรียกร้องเงิน คนละล้านกว่า
อีจัน : ที่พี่ไปสำรวจมา มีคน 6 คน ไหม
นายชัยวัฒน์ : ไม่มี คนใน 6 คน ไม่เคยอยู่ในชุดที่ผมไปสำรวจมาเลย แม้แต่คนเดียวไม่มีเลย
อีจัน : พี่ไม่เคยเจอเขา