วันนี้ ครูปรีชา เข้าพบนายอนันต์ กัลปะ ศึกษาธิการจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อร้องขอความเป็นธรรมในกรณีที่ถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง หลังการพูดคุยชี้แจงกับศึกษาธิการจังหวัด ทางครูปรีชา ได้ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์หรือแสดงความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว
ขณะที่ ศึกษาธิการจังหวัดกาญจนบุรีกล่าวว่า ครูปรีชาได้เข้าร้องขอความเป็นธรรมใน 2 ประเด็นหลักๆ คือ
1.ขั้นตอนอันเป็นสาระสำคัญในกระบวนการดำเนินการทางวินัย ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 8 ซึ่งเป็นต้นสังกัดนั้น ไม่สมบูรณ์ครบถ้วนตามขั้นตอนของกฎหมาย
2.ในทางคดีของ ครูปรีชา ซึ่งขณะนี้ข้อมูลได้มีการเปลี่ยนแปลง และมีความเคลื่อนไหวของคดีตลอดเวลา และขณะนี้ ครูปรีชายังไม่ได้ถูกดำเนินคดีทางอาญาแต่ประการใด จึงมาร้องทุกข์ต่อตน เพื่อนำเรื่องเสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ในฐานะประธานคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดกาญจนบุรี
ดังนั้น ในขณะนี้ ตนจึงได้สั่งชะลอการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบผิดวินัยร้ายแรงของครูปรีชาเอาไว้ก่อน โดยในระหว่างนี้ จะได้ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลและข้อเท็จจริงต่างๆ ว่าเป็นไปตามที่ครูปรีชาร้องขอความเป็นธรรมเข้ามาหรือไม่ ก่อนจะนำข้อมูลที่ได้ทั้งหมด เข้าร่วมในการประชุม คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด ในวันที่ 4 กรกฎาคม 2561
ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน เพื่อที่จะหาข้อสรุปของกรณีนี้ต่อไป
หลังจากครูปรีชา เข้าพบ ศึกษาธิการจังหวัดกาญจนบุรี ก็ได้เดินทางไปยังศาลจังหวัดกาญจนบุรี ต่อทันที
โดยเดินทางมาพร้อมนายสุชพงศ์ บุญเสริม ทนายความ เพื่อฟังการพิจารณาคดีที่ ครูปรีชา ยื่นหนังสือขอให้ศาลพิจารณา การกระทำของนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธารนชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เข้าข่ายละเมิดอำนาจศาลหรือไม่
เนื่องจากทางครูปรีชาได้ยืนยันว่า คลิปเสียงที่นายอัจฉริยะนำมาเผยแพร่นั้น คล้ายกับคลิปเสียงที่เป็นหลักฐานและอยู่ในสำนวนการพิจารณาของศาล ซึ่งอาจเป็นที่เสียหายต่อกระบวนพิจารณาของศาล และสร้างความสับสนให้กับสังคม
ทางด้านนายอัจฉริยะ ได้กล่าวก่อนจะขึ้นไปยังห้องพิจารณาคดีว่า การเดินทางมาในวันนี้ ตนก็ยังไม่ทราบว่าเป็นเรื่องอะไรกันแน่ เพียงแต่ตนได้รับหมายศาลจังหวัดกาญจนบุรีให้เดินทางมาในวันนี้เท่านั้น
ในส่วนของคลิปที่ตนนำมาเผยแพร่ก็เป็นคลิปที่ตนได้มาจากพลเมืองดีและแหล่งข่าวที่ตนรู้จักจึงไม่น่าจะเป็นการละเมิดศาลแน่นอน
นอกจากครูปรีชา นายอัจฉริยะแล้ว ฟ้า กนกพรรณ หมวกไสว ก็ได้เดินทางมาร่วมฟังการพิจารณาคดีด้วย
เวลาผ่านไป หนึ่งชั่วโมงครึ่ง นายอัจฉริยะ เดินลงมาจากศาล พร้อมเปิดเผยว่า ศาลได้ยกคำร้องที่ครูปรีชากล่าวหาตนว่าละเมิดศาล เนื่องจากตนไม่ได้เป็นคู่ความในคดี
แต่ศาลมีคำสั่ง ไม่ให้มีการนำเอาพยานหลักฐานที่อยู่ในสำนวนหรืออยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลออกมาเผยแพร่อีก เนื่องจากเกรงว่าอาจจะเป็นการก่อให้เกิดความวุ่นวายในสังคมและยังเป็นการชี้นำศาลด้วย
ขณะที่ทางครูปรีชาเองก็ไม่ได้มีการยอมรับในศาลว่าคลิปเสียงที่ตนเผยแพร่เป็นเสียงของครูปรีชาหรือไม่
ขณะที่ครูปรีชา ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดยเฉพาะเรื่องของการที่มีคำสั่งย้ายตนมาช่วยราชการที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 8 โดยครูปรีชาบอกว่าขณะนี้ยังไม่พร้อมที่จะชี้แจงใดๆ ขอเวลาให้ตนได้ทำงานก่อน
ส่วนในเรื่องของการพิจารณาเรื่องการละเมิดศาลในวันนี้ ตนก็พอใจกับสิ่งที่ศาลมีคำสั่งลงมาและก็คงจะมอบหมายให้ทนายความดำเนินการต่อสู้คดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป