จากเหตุการณ์สับปะรดภาคเหลือราคาตก เหลือขายส่งเพียงกิโลกรัมละ 2 บาท ทำให้เกษตรกรชาวสวนสับปะรดเดือดร้อนหนัก ต้องขับรถเร่ขายตามสถานที่ต่างๆ
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ล่าสุดวันนี้ (22 มิ.ย.61) ที่สถานีพัฒนาที่ดินเชียงราย นายสมควร ณ ลำปาง ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 7
เป็นตัวแทนนายสุรเดช เตียวตระกูล อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน เพื่อดูแลการรับซื้อผลผลิตสับปะรด ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย
โดยมีนายศรีศักดิ์ ธานี ผู้อำนวยการสถานีพัฒนาที่ดินเชียงราย พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่และเกษตรกรเจ้าของไร่สับปะรด จาก อ.เมืองเชียงราย, อ.เวียงเชียงรุ้ง, อ.ขุนตาล, อ.พาน และอำเภอพยาเม็งราย จำนวนกว่า 50 ราย รอให้การต้อนรับและนำผลสับปะรดมาจำหน่าย
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
นายสมควร ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 7 กล่าวว่า ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีคำสั่งด่วนหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ เร่งหาทางช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดหลังผลผลิตล้นตลาดและราคา ตกต่ำเหลือกิโลกรัมละ 1-2 บาท จึงตรวจสอบข้อมูลพื้นที่การปลูกและผลผลิต สับปะรดว่าเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดมีความเดือดร้อนเท่าไหร่แล้ว และดำเนินการช่วย เหลือในการรับซื้อผลผลิต นำไปผลิตเป็นปุ๋ยหมัก น้ำหมักชีวภาพเพื่อสนับสนุนพี่น้องเกษตรกรได้ ใช้เพื่อลดต้นทุนเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรซึ่งในพื้นที่ที่ตนเองดูแลอยู่ 4 จังหวัด ได้แก่ จ.เชียงราย พะเยา แพร่และน่าน พบว่ามีเกษตรกรเดือนร้อนจำนวนมากโดยในเบื้องต้นจะรับซื้อในราคากิโลกรัมละ 3 บาท หรือตันละ 3,000 บาท
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
นายศรีศักดิ์ กล่าวว่า ตามกิจกรรมเกี่ยวกับเกษตรอินทรีย์ทฤษฎีใหม่ การปรับเปลี่ยนพื้นที่การเกษตรในการเพิ่มแร่ธาตุในดินด้วยปุ๋ยน้ำหมัก พด.2 เพื่อฉีดรดต้นไม้และย่อยสลายไถ่กลบตอซัง จึงได้ช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดด้วยการรับซื้อผลผลิตไปทำปุ๋ยและน้ำหมักชีวภาพโดยรับซื้อทั้งสิ้นจำนวน 105 ตัน ซึ่งในวันนี้รับซื้อไปแล้ว 43 ตัน การดำเนินการดังกล่าวจะทำให้เกิดประโยชน์ 2 ทาง คือ 1 ช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดสามารถนำผลผลิตมาจำหน่ายในราคาสมเหตุสมผล ส่วนผลเกษตรเกรด AและB ก็สามารถนำไปจำหน่ายได้อีก ข้อ 2 สับปะรดที่ซื้อมาจะนำไปช่วยเหลือเกษตรกรในด้านปัจจัยการผลิต (ทำเป็นน้ำหมัก) แก่เกษตรกร
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
นายณัฐวุฒิ คงสระบัว อายุ 73 ปี ชาวบ้านบ้านแม่ข้าวต้ม ม.8 ต.แม่ข้าวต้ม กล่าวว่า ปีนี้ราคาผล ผลิตสับปะรดตกต่ำมากเมื่อปีที่ผ่านมาจำหน่ายได้กิโลกรัมละ 7 บาท แต่วันนี้ล้งรับซื้อราคา กิโลกรัมละ 1-2 บาททำให้ขายได้ตันละ 1,000-2,000 บาท ไร่หนึ่งได้ผลผลิตประมาณ 2 ตัน ในขณะที่ต้นทุนการผลิตต้องใช้ 4,000-5,000 บาท ต่อไร่ สำหรับผู้มีหัวพันธุ์อยู่แล้วแต่ผู้ลงทุนใหม่ต้องใช้งบไม่ต่ำกว่า 9,000 – 10,000 บาทต่อไร่ ทำให้ขาดทุนและเดือดร้อนเป็นอย่างมาก กรมพัฒนาที่ดินได้เข้ามาช่วยหลือในครั้งนี้ทำให้ตนเองใจชื่นขึ้นมาบ้างเพราะอย่างน้อยได้ทุนคืนมาก็รู้สึกพอใจแล้ว