วันนี้ (6 ม.ค. 63) พันตำรวจเอกณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินทางมาตรวจเรือนจำ จ.พิษณุโลก เพื่อประชุม และวางแผนปฏิบัติการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค คาดว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 7 วัน
ซึ่งในวันพรุ่งนี้ 7 ม.ค. 63 กระทรวงสาธารณสุข จะมีการเจาะเลือดผู้ต้องขังทั้งหมด 3,000 กว่าราย เพื่อเก็บตัวอย่างไปวิเคราะห์ และคัดกรองโรคในห้องแล็ป โดยใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์จึงจะทราบผล
ส่วนเรื่องการตรวจอาหารเพื่อหาสาเหตุของโรคนั้น ต้องรอผลตรวจอีกครั้ง ซึ่งตนก็ยังไม่ปักใจเชื่อว่า อาหารที่ส่งไปให้ตรวจในแล็ปนั้น เป็นตัวอย่างชิ้นเนื้อที่ปนเปื้อนจริงหรือไม่ กรมราชทัณฑ์ ได้ให้ผู้ตรวจราชการของกรม มาเก็บข้อมูลไปตรวจสอบด้วย ถ้าหากผลออกมาแล้วเกิดจากอาหารปนเปื้อน จะพิจารณาข้อบกพร่องทางวินัย ส่วนเรื่องทางปกครอง ขอเวลาประมวลอาจจะใช้มาตรการทางการปกครองในการย้ายสับเปลี่ยน
ทั้งนี้ พันตำรวจเอกณรัชต์ ยังเล่าถึงการแก้ปัญหาส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาอย่างทันท่วงทีว่า เป็นเรื่องที่ตนตำหนิไป เพราะทั้ง 4 รายที่เสียชีวิต เสียชีวิตในเรือนนอน ซึ่งโดยหลักแล้ว ถ้ามีการตื่นตัว มีอาสาสมัครสาธารณสุขในเรือนจำ ผู้ช่วยงานเจ้าหน้าที่ที่ไว้วางใจน่าจะสังเกตอาการได้ เพราะในช่วงกลางคืนกำลังเราค่อนข้างน้อย ผู้ต้องขังก็แยกนอนห้องละ 50-100 คน
จากการที่ตนตรวจสอบภาพวงจรปิด ก็ไม่พบว่า เป็นการทำร้าย หรือ ฆาตกรรม และผู้เสียชีวิต ก็ไม่ได้มีอาการทุรนทุราย หรือ ร้องโวยวายแต่อย่างใด เพียงแต่พลิกตัวไปมา ถีบผ้าห่มออกเท่านั้น ซึ่งพบอีกทีก็เสียชีวิตแล้ว
ส่วนมาตรการการในเพิ่มแพทย์ และพยาบาลในเรือนจำ เป็นเรื่องที่ยึดโยงกับอัตรากำลัง เราได้รับเพิ่มตามลำดับ แต่จำนวนประชากรผู้ต้องขังค่อนข้างมาก ถ้าวัดตามความเหมาะสมที่เจ้าหน้าที่ดูแลได้ ผู้ต้องขังจะอยู่ที่ประมาณ 120,000 คน
แต่ขณะนี้ จำนวนผู้ต้องขังพุ่งไป 370,000 คน ซึ่งอัตราเจ้าหน้าที่ที่ได้รับอนุมัติ ก็ยังไม่เพียงพอ
ในปีนี้สำนักงบประมาณได้อนุมัติให้สร้างโรงพยาบาลราชทัณฑ์แห่งที่สอง ก็จะได้แพทย์และบุคลากรเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังคงไม่เพียงพออยู่ดี
สำหรับการจัดอาหารเข้าเรือนจำนั้น เราเคยมีหนังสือแจ้งไปยังรัฐวิสาหกิจ กรณีส่งวัตถุดิบไม่ตรงสเปก เช่น ทัณฑสถานหญิงพิษณุโลก กรมราชทัณฑ์ก็ทำหนังสือแจ้งไปหนังหน่วยงานที่ส่งสินค้าเข้ามา ว่าปริมาณสินค้า ไม่ตรงตามสเปก ถ้าไม่แก้ไขก็จะทำการเปลี่ยนผู้ส่ง และกรมราชทัณฑ์ก็จะตรวจสอบ ผู้ตรวจรับด้วยเช่นกัน ซึ่งเรื่องนี้ผู้ตรวจราชการกรมได้เข้ามาตรวจสอบในเรือนจำพิษณุโลกแล้ว อยู่ขณะรอผลสรุป
ด้าน นายพิพัฒน์ เอกภาพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เล่าถึงการเสียชีวิตของผู้ต้องขัง 4 ราย ที่เรือนจำ จ.หวัดพิษณุโลก และมีอาการป่วยอีกจำนวนมาก
เบื้องต้นแพทย์ระบุว่ามีภาวะไทรอยด์ฮอร์โมนสูงสาเหตุน่าจะมาจากอาหาร โดยเบื้องต้นได้ประชุมหารือร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้งในส่วนของสังกัดกระทรวงมหาดไทยกระทรวงยุติธรรมกองทัพบก และกระทรวงสาธารณสุขในพื้นที่ได้จัดทำแผนปฏิบัติการควบคุม และป้องกันสถานการณ์โรคที่เกิดขึ้นในเรือนจำ เพื่อควบคุมไม่ให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น
ส่วนมาตรการต่อไปจะต้องบำบัดรักษาผู้ที่เจ็บป่วยให้หายเป็นปกติ โดยกำหนดมาตรการด้านการแพทย์ฉุกเฉิน ตรวจเลือดคัดกรอง จ่ายยา มาตรการด้านอาหาร งดเนื้อสัตว์ เสริมโปรตีนและอื่น ๆ มาตรการด้านจิตวิทยาสร้างความมั่นใจแก่ผู้ต้องขัง ประชาชน และด้านความมั่นคง ให้เกิดความเชื่อมั่นในความสงบเรียบร้อย ซึ่งจะสามารถควบคุมสถานการณ์ให้ยุติได้ภายใน 7 วัน
ด้าน นายธรรมนูญ ทองสุข ปศุสัตว์จังหวัดพิษณุโลก ได้จัดส่ง เข้าตรวจสอบสถานที่ ร้านที่เป็นตัวแทนองค์การคลังสินค้าส่งวัตถุดิบประกอบอาหารให้เรือนจำ จ.พิษณุโลก แล้ว และเก็บวัตถุดิบประกอบอาหารของเรือนจำพิษณุโลก ซึ่งเบื้องต้นพบว่า มีเอกสารการเคลื่อนย้ายซากสัตว์ (ร.4) ถูกต้อง ขณะที่การเก็บตัวอย่างเนื้อจากสถานที่เก็บวัตถุดิบประกอบอาหารของเรือนจำพิษณุโลกเพื่อตรวจหาสารตกค้างและเชื้อโรคที่สามารถติดต่อจากสัตว์สู่คนอีกด้วย