อัยการสั่งไม่ฟ้อง ชัยวัฒน์ คดีฆ่าบิลลี่

อัยการสั่งไม่ฟ้อง ชัยวัฒน์-พวก คดีฆ่าบิลลี่ ส่งคืนสำนวน 17 แฟ้ม

24 มกราคม 2563 มีรายงานว่า มีหนังสือจากสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 สำนักงานอัยการสูงสุด ส่งถึงอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ระบุเนื้อหาสั่งไม่ฟ้องนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร กับพวกรวม 4 คน ในข้อหาฆ่านายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ ซึ่งหายตัวไปตั้งแต่วันที่ 17 เม.ย. 2557

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
โดยมีเนื้อหาระบุว่า ตามหนังสือที่อ้างถึง กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ส่งสำนวนการสอบสวนคดีพิเศษที่ 13/2562 คดีระหว่าง นางสาวพิณนภา พฤกษาพรรณ กับพวกรวม 2 คน ผู้กล่าวหา นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร กับพวกรวม 4 คน ผู้ต้องหา ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ฯลฯ ไปยังพนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อพิจารณา ความละเอียดแจ้งแล้ว นั้น พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 สำนักงานอัยการสูงสุด ได้พิจารณาสำนวนคดีดังกล่าวแล้วมีคำสั่งไม่ฟ้อง ดังต่อไปนี้ 1. สั่งไม่ฟ้อง นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้ต้องหาที่ 1, นายบุญแทน บุษราคัม ผู้ต้องหาที่ 2, นายธนเสฏฐ์ หรือไพฑูรย์ แช่มเทศ ผู้ต้องหาที่ 3 ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและเพื่อจะเอา หรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่นเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อ หลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วย ประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายเป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวถูกกักขังหรือต้องปราศจากเสรีภาพในร่างกายนั้นถึงแก่ความตาย, ร่วมกันโดยมีอาวุธข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินโดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกายเสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญหรือของบุคคลที่สาม จนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธปืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิดติดตัวไปด้วย เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ร่วมกันโดยทุจริตหรือเพื่ออำพรางคดีกระทำการใดๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้นในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป, ร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต, ร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบข่มขืนใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 147, 148, 289 (4)(7), 309, 310, 337,340, 340 ตรี ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 ทวิ 2. สั่งไม่ฟ้อง นายกฤษณพงษ์ จิตต์เทศ ผู้ต้องหาที่ 4 ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและเพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่นเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ได้กระทำไว้, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายเป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวถูกกักขังหรือต้องปราศจากปราศจากเสรีภาพในร่างกายนั้นถึงแก่ความตาย ร่วมกันโดยมีอาวุธข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ระโยชน์ลักษณะที่เป็นทรัพย์สินโดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูขู่เข็ญหรือของบุคคลที่สาม จนผู้ถูกข่มขืนใจยอมว่าเช่นนั้น, ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธปืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิดติดตัวไปด้วย เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ร่วมกันโดยทุจริตหรือเพื่ออำพรางคดีกระทำการใดๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้นในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป, เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดย ทุจริต, เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบข่มขืนใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 86, 147, 148, 289 (4) (7) ,309, 310, 337, 340, 340 ตรี ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 ทวิ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ จึงขอส่งสำนวนคดีดังกล่าว ปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย เพื่อดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 145 ประกอบพระราชบัญญัติกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ 2547 มาตรา 34 ต่อไป

อ่านข่าวเพิ่มเติม