วันที่ 12 มีนาคม 2564 นาง อังคณา นีละไพจิตร พร้อมครอบครัว ได้เดินทางมายัง กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อสอบถามถึงคดีการหายตัวไปของ ทนายสมชาย นีละไพจิตร เนื่องในโอกาสครบรอบ 17 ปี ที่ นายสมชาย ทนายความและนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน หายตัวไป
พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เผยว่า คดีที่อยู่กับเรา ตนได้พยายามติดตามรวมถึงสืบสวนมาโดยตลอด เพื่อที่จะหารายละเอียดเกี่ยวเรื่องคดีทั้งหมด ตนในฐานะอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษยินดีที่จะทำเรื่องนี้ และได้พยายามติดตามมาโดยตลอด เพื่อที่จะให้ข้อเท็จจริงมันกระจ่างได้ เพราะว่าเมื่อเดือนที่แล้วตนก็ได้เรียกคดีนี้ขึ้นมาดู แฟ้มคดีนี้ยังอยู่บนโต๊ะทำงานของตน ตนหยิบมาอ่านตลอด
ซึ่งระยะเวลาที่ยาวนานก็มีผลต่อการสืบสวนสอบสวน ซึ่งมันก็เป็นเรื่องจริงที่เราต้องคุยกันว่ายิ่งระยะเวลาที่ยาวนาน การสืบสวน การหาพยานหลักฐานก็จะยากขึ้น แต่เราก็ใช้ความพยายามมากขึ้น
ด้าน นาง อังคณา เผยว่า 17 ปี ตนมองว่าไม่มีอะไรคืบหน้า การบังคับการสูญหาย เป็นอาชญากรรมต่อเนื่องที่จะต้องตามหาเเละสืบสวนคดี ส่วนตนติดตามครั้งสุดท้าย ตั้งเเต่ปี 2559 วันนี้จึงอยากมาตามความคืบหน้ากับทางดีเอสไอ
ทั้งนี้ กิจกรรมร่วมรำลึก 17 ปี การหายตัวไปของ ทนายสมชาย มีกิจกรรมสวมหน้ากาก ทนายสมชาย และปล่อยรถตุ๊กตุ๊กจำนวน 17 คัน ที่ติดป้ายตามหา ทนายสมชาย เพื่อให้วิ่งรณรงค์ไปทั่วกรุงเทพฯ และพื้นใกล้เคียง โดยการรณรงค์จะมีไปจนถึงสิ้นเดือนมีนาคมนี้
สำหรับ ทนายสมชาย นีละไพจิตร นักกฎหมายและนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนมุสลิมชาวไทย ได้หายตัวไป เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2547 ซึ่งในวันนั้นมีพยานเห็น ทนายสมชาย ครั้งสุดท้ายที่ถนนรามคำแหง ระหว่างที่ ทนายสมชาย ขับรถยนต์ส่วนตัวเพื่อจะไปนอนพักค้างคืนที่บ้านเพื่อน แต่มีกลุ่มชายฉกรรจ์ ขับรถยนต์ติดตามในระยะกระชั้นชิด จนชนท้ายรถทนายสมชาย จากนั้นกลุ่มชายฉกรรจ์ได้นำตัว ทนายสมชาย เข้าไปในรถ และจากวันนั้น ก็ไม่มีใครเห็น ทนายสมชาย อีกเลย จวบจนถึงวันนี้เป็นเวลา 17 ปี ก็ยังไม่ทราบชะตากรรมของเขา
ทั้งนี้ ทนายสมชาย เป็นทนายความในคดีสำคัญหลายคดี โดยคดีสุดท้ายก่อนที่จะหายตัวไป เขาเข้าไปเป็นทนายให้กับผู้ต้องหาที่ถูกตำรวจจับกุมภายหลังจากเหตุการณ์ลอบวางระเบิดโรงเรียน เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2547 และการปล้นปืน 400 กระบอก จากกองพันพัฒนาที่ 4 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ จ.นราธิวาส
