ย้อนคดีฆาตกรรมเสี่ยชูวงษ์ 300 ล้าน

ย้อนคดีฆาตกรรมเสี่ยชูวงษ์ หลังโอนหุ้นให้พริตตี้กว่า 300 ล้านบาท

จากอุบัติเหตุทางรถยนต์กลายเป็นคดีฆาตกรรมของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง โดยมีเพื่อนสนิทคือ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังที่คาดว่ามีผลประโยชน์ร่วมกว่า 300 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2558 เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ของเสี่ยชูวงษ์ ชนต้นไม้ข้างทางหลังกลับมาจากตีกอล์ฟ ทำให้เสี่ยชูวงษ์เสียชีวิต โดยมี พ.ต.ท.บรรยิน เป็นผู้ขับ แต่ปลอดภัย

เรื่องราวเหมือนอุบัติเหตุทั่วไป จนกระทั่งพี่สาวของเสี่ยชูวงษ์พบหลักฐานสำคัญที่ทำให้มั่นใจว่าน้องชายถูกฆาตกรรมอย่างแน่นอน

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน


นางวันเพ็ญ ธนธรรมศิริ พี่สาวนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง พบหลักฐานการโอนหุ้นให้กับบุคคลภายนอก

ย้อนไปวันที่ 8 และ 22 มิ.ย. 2558 ก่อนนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง เสียชีวิต เพียง 4 วัน ได้มีการโอนหุ้นให้ น.ส.อุรชา วชิรกุลฑล และ น.ส. กัญฐนา ศิวาธนพล รวมมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท

จากการสืบสวนตำรวจพุ่งเป้าไปที่ 2 สาวพริตตี้ ที่เพิ่งได้รับการโอนหุ้นและ พ.ต.ท. บรรยิน ตั้งภากรณ์ เพื่อนสนิทเสี่ยชูวงษ์ โดยคาดว่ามีการร่วมมือกันก่อเหตุ จากการตรวจสอบหลักฐานที่แน่นหนาพอ

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน


ต่อมาตำรวจได้ควบคุมตัว พ.ต.ท.บรรยิน ได้แจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน แต่ พ.ต.ท.บรรยิน ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

ส่วนพริตตี้ให้การยืนยันว่าได้หุ้นมาด้วยความสุจริตเพราะความเสน่หาและความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับเสี่ยชูวงษ์

ต่อมามีการสืบคดีในการโอนหุ้นซึ่งพบสิ่งผิดปกติในเอกสาร และพบการเปลี่ยนแปลงเอกสารหลายจุด หุ้นจึงถูกอายัด

จากนั้นตำรวจได้ตั้งข้อหา พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ น.ส.อุรชา วชิรกุลฑล และ น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล ในข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิ์ปลอมแปลง

ภาพจากอีจัน


ต่อมา 13 ธ.ค. 2560 ศาลสั่งฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน และพวกข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน แต่หลังจากตำรวจจับ พ.ต.ท.บรรยิน ศาลจังหวัดพระโขนงก็อนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหา ส่วนทางตำรวจก็ได้หลักฐานเพิ่มเติมว่าช่วงคดีโอนหุ้น น.ส.อุรชา ได้ตั้งครรภ์ และตำรวจได้หลักฐานสำคัญคือ DNA ของลูก น.ส.อุรชา ตรงกับ พ.ต.ท.บรรยิน โดยตรง!!!
แสดงให้เห็นว่า น.ส.อุรชา และ พ.ต.ท.บรรยิน มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกัน

ภาพจากอีจัน

ทางด้านตำรวจสืบทราบต่อว่าหลังจาก น.ส.อุรชา และ น.ส.กัญฐณา ได้รับการโอนหุ้นก็ยักย้ายถ่ายโอนโดยการนำไปซื้อบ้านราคาประมาณ 10 ล้านบาท และรถปอร์เช่ แปลงเป็นทรัพย์สินซึ่งเข้าฐานการฟอกเงิน

ต่อมาตำรวจได้มีหมายเรียกทั้ง 3 คนให้มารับข้อกล่าวหาคดีร่วมฟอกเงิน โดย น.ส.อุรชา ได้มารับทราบข้อกล่าวหาแล้วในวันที่ 15 ส.ค. 2561 แต่ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
ล่าสุด 27 ส.ค. 2561 พ.ต.ท.บรรยิน ได้เดินทางมารับทราบข้อหาการฟอกเงินอีกหนึ่งข้อหา แต่ยังคงให้ปฏิเสธและยืนยันว่าจะต่อสู้คดีในชั้นศาลต่อไป โดยที่ น.ส.กัญฐณา จะมารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 28 ส.ค. 2561