ย้อนปมพ่อสั่งฆ่าลูกกาฬสินธุ์

จำคดีนักเรียนนอกถูกฆ่าทิ้งศพที่จ.กาฬสินธุ์ได้ไหม?

จำคดีนักเรียนนอกถูกฆ่าทิ้งศพที่ จ.กาฬสินธุ์ได้ไหม? ล่าสุดศาลสั่งจำคุกตลอดชีวิต ทั้งพ่อคนสั่งอุ้มฆ่าลูกชาย ส่วนมือยิงสารภาพ ลดโทษเหลือ 31 ปี 6 เดือน


อีจันจำได้ ตอนนั้นคดีนี้เริ่มต้นจากการพบศพหนุ่มนิรนามถูกทิ้ง ริมถนนกาฬสินธุ์-สกลนคร ตำรวจสืบไม่นาน ก็ทราบว่า ผู้ตายเป็นลูกชายนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ตำรวจพุ่งเป้าไปที่การขัดแย้งผลประโยชน์ทางธุรกิจ แต่ยิ่งสืบก็ยิ่งพบข้อมูลสุดสะพรึง!!!
เมื่อ…พบหลักฐานโยงถึงบุคคลที่อยู่เบื้องหลังการฆาตกรรมสั่งฆ่าครั้งนี้ คือ พ่อของผู้ตายเอง!!!


พบศพชายนิรนามถูกยิงทิ้ง


วันที่ 1 พฤษภาคม 2559 ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเล่าว่า “ ลูกบ้านผม ขับรถมอเตอร์ไซค์ ขึ้นไปสวนมัน พอเห็นแล้ว ไปบอกคนทำงาน อยู่ที่ผาเสวย คนที่ทำงานที่ผาเสวยเลยไปแจ้งผู้ใหญ่บ้าน คนตายนอนใกล้ๆถนนที่ขี่นี่แหล่ะ”

ภาพจากอีจัน
ตำรวจตรวจสภาพศพสันนิษฐานเบื้องต้นได้เพียงว่า ผู้ตายเป็นชายวัยกลางคน อายุประมาณ 40-45 ปี ผิวขาว ถูกยิงด้วยปืนกระสุนที่บริเวณท้ายทอย 1 นัด บนถนนพบเศษกระสุนและรอยเลือดไหลเป็นทางยาว และพบรอยเลือดติดอยู่ที่กาดกั้นทางโค้ง ของแขวงการทาง ตำรวจจึงคาดว่าผู้ตายน่าจะถูกผลักจากถนน จนกลิ้งลงไปไหล่ทางห่างไปประมาณ 2 เมตร รอยกระสุนบอกชัดว่า เป็นเหตุฆาตกรรมโหด แต่เหยื่อ คือ ใคร ? ดูจากรูปพรรณสันฐานเชื่อ ไม่ใช่คนในพื้นที่ ค้นทั้งตัวไม่พบเอกสารแสดงตัวตนใดๆ แต่…ก่อนที่เหยื่อจะกลายเป็นศพนิรนาม ตำรวจก็สะดุดเข้ากับบางสิ่งในกระเป๋าหลังของกางเกงยีนส์ของผู้ตาย มันคือ บัตรเอทีเอ็ม 1 ใบ ลักษณะถูกทับจนพับงอ!!!
ภาพจากอีจัน
“เข้าใจว่าคนร้ายที่เข้ามาฆ่าคงจะค้นตัวไม่ทั่ว แต่กระเป๋าเงินอะไรเขาเอาไปหมด โทรศัพท์เอาไปแต่บัตรเอทีเอ็มอยู่ ในกระเป๋า” พ.ต.ต.วิเชียร พินดวง รองผู้บังคับการจ.กาฬสินธุ์ (ยศในขณะนั้น) กล่าว  เมื่อตรวจสอบบัตรเอทีเอ็มซึ่งตอนนี้ เป็นเพียงเบาะแสเดียวในตัวผู้ตาย ก็พบว่า เจ้าของบัตรเป็นผู้หญิง “ พอเราได้ชื่อผู้หญิง ก็ใช้คอมพิวเตอร์ตั้งตรงนั้นเลย แล้วเปิดดูเลย พอเราเช็คประวัติก็เช็คคนในบ้านก็เจอผู้ชายคนหนึ่ง อายุไล่เรียงกับคนตาย แต่สภาพใบหน้ามันถูกเปลี่ยน เพราะหน้าผู้ตายมีเลือด ก็ไม่มั่นใจ แต่ว่าน่าจะเป็นคนนี้แหละ แต่ที่ไม่แน่ใจเพราะว่า ผู้หญิงเจ้าของบัตรกับผู้ชายในบ้าน ที่เราสงสัยว่าจะเป็นผู้ตาย คนละนามสกุลแต่อยู่บ้านเลขที่เดียวกันอยู่ที่ตรงพระโขนง เป็นคนกรุงเทพ” พ.ต.ต.วิเชียร พินดวง รองผู้บังคับการจ.กาฬสินธุ์ (ยศในขณะนั้น) กล่าว
ภาพจากอีจัน


เบาะแสจากบัตรเอทีเอ็มเชื่อมโยงจนทำให้รู้ในที่สุดว่า ผู้ตาย คือ ใคร?


มีการประสานส่งภาพถ่ายศพ ภาพถ่ายเจ้าของบัตรเอทีเอ็ม แล้วภาพคนที่สงสัยว่าน่าจะเป็นคนตาย ให้สารวัตรสืบคลองตันตรวจสอบข้อมูล ผล คือ ผู้หญิงเจ้าของบัตรเอทีเอ็ม ยอมรับทันทีว่า ผู้ตายเป็น สามีของเธอ ซึ่งหายตัวไปเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2559 หรือ 2 วัน ก่อนพบศพ


ภรรยาผู้ตายอยู่ในสภาพหวาดกลัวและไม่ไว้ใจใคร


พล.ต.ต.อภิชิต เทียนเพิ่มพูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์จึงรับตัวมาอยู่ในการคุ้มครองของตำรวจ และเมื่อเห็นศพผู้ตายเธอก็ยืนยันว่าผู้ตาย คือ สามี ชื่อ นายภาสพล หรือเสี่ยตุ้ม รัตนตยาธิคุณ อายุ 48 ปี เป็นนักธุรกิจ จากนั้นเธอยังยอมเปิดปากเล่าถึงสิ่งที่เธอรู้และเชื่อว่าน่าจะเกี่ยวพันกับความตายของสามี

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ข้อมูลที่ได้ทำให้ตำรวจทราบว่า คดีนี้มีความซับซ้อนเกินกว่าคดีฆ่ากันตามปกติ ถึงตอนนี้ตำรวจรู้ชื่อผู้ตายแล้วและมั่นใจว่า ผู้ตายหรือเสี่ยตุ้มน่าจะถูกอุ้มฆ่าอย่างโหดเหี้ยม แต่…อะไรคือ ชนวนเหตุการฆ่า และใคร คือ ผู้ลงมือฆ่า ยังเป็นปริศนา? พล.ต.อ. เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผบ.ตร. ลงพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อตรวจที่เกิดเหตุพร้อมทั้งประชุม ชุดสืบสวนเพื่อคลี่คลายคดีอุฉกรรจ์นี้ ปมขัดแย้งระหว่างเสี่ยตุ้มผู้ตายถูกคลี่ออกก็พบว่าก่อนที่เสี่ยตุ้มจะหายตัวไป เขามีความขัดแย้งกับทางครอบครัว เรื่องการขายที่ดินมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท คนตายขายที่ดิน 100 กว่าล้านบาทเพื่อไปชำระหนี้พ่อ ภรรยาเสี่ยตุ้มให้การว่า… ในวันสุดท้ายที่เธอได้เจอกับเสี่ยตุ้ม เธอเห็นกับตาว่า สามีถูกทำร้าย วันนั้นเป็นวันที่ 29 เมษายน 2559 เธอบอกว่า สามีไปพบคุณพ่อที่บ้าน จากนั้นเสี่ยตุ้มก็โทรให้เธอเข้าไปเอาเงิน แต่เมื่อเจอหน้าสามีเห็นหน้าบวม ตาบวมและเจอคนอีกหลายคนคล้ายคุมตัวสามีอยู่ แต่เธอไม่รู้จัก ที่สำคัญมีบางคนใส่เครื่องแบบด้วย “ ตอนที่ไปเขาไม่ได้พูดตอนนั้น คนคุมก็ไม่ได้คุมแบบนักโทษ ให้เขาใช้โทรศัพท์ได้ ส่งไลน์ไปบอกให้ แฟน เอาปืนไปซ่อนไว้แล้วก็ให้หนีไป เขาก็เอาปืนไปซ่อนที่ท่อระบายน้ำแล้วก็หนี ตอนนั้นแฟนก็หนีออกจากบ้านไป อยู่อีกบ้านไม่ได้อยู่บ้านเสี่ยตุ้มเพราะกลัวถูกอุ้มเหมือนกัน” พ.ต.ต.วิเชียร พินดวง รองผู้บังคับการจ.กาฬสินธุ์ (ยศในขณะนั้น) กล่าว


กล้องวจรปิดกับชายฉกรรจ์เกือบ 10 คน
คนหลังได้เบาะแสจากภรรยาคนปัจจุบันของเสี่ยตุ้ม ตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ก็จัดชุดสืบสวนลงพื้นที่ในกรุงเทพมหานครเพื่อหาเบาะแสของการอุ้มฆ่าครั้งนี้ ชุดสืบสวนเข้าเก็บพยานหลักฐานในบ้านพักของเสี่ยตุ้ม ย่านห้วยขวางกรุงเทพมหานคร เบื้องต้นพบปืน 2 กระบอกถูกซ่อนไว้ตามที่แฟนสาวเสี่ยตุ้มอ้างถึง
แต่…มีหลักฐานที่เจ๋งกว่าปืน คือ บ้านนี้มีกล้องวงจรปิด!!! 

และเมื่อตรวจสอบก็พบ ภาพกลุ่มชายฉกรรจ์ เกือบ 10 คน เข้ามาที่บ้านนี้

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน

ภาพที่เห็น คือ พฤติกรรม คุกคามชัดเจน มีการใส่กุญแจมือเสี่ยตุ้มและบังคับคล้ายให้หาของบางอย่างภายในบ้าน
ภาพกลุ่มชายฉกรรจ์กลายเป็นหลักฐานสำคัญ ตำรวจสืบไม่นานก็พบกับชายคนหนึ่งที่อยู่ในภาพ กล้องวงจรปิด คือ นายเอก คงอภิสิทฐ หรือ เอก

ภาพจากอีจัน


สอบไปสอบมาก็รู้ว่า นายเอกเป็นคนสนิทของนาย วิรัช รัตนตยาธิคุณ ซึ่งเป็น พ่อเสี่ยตุ้ม
เขาเล่าถึงเหตุการณ์ในวันก่อนที่เสี่ยตุ้มจะถูกอุ้มหายว่า ในวันเกิดเหตุนายวิรัช รัตนตยาธิคุณ ได้เรียกลูกชายมาพบที่โรงพิมพ์ ย่านห้วยขวางโดยมี นายทหารกลุ่มหนึ่ง คุมเชิงอยู่ที่โรงพิมพ์
เวลา 10.55 น. เสี่ยตุ้มมาถึงโรงพิมพ์ เขาทะเลาะกับพ่อ นายเอกจึงพาไปสงบสติอารมณ์
เวลา 14.00 น. เสี่ยตุ้มโทรให้ภรรยามาพบที่โรงพิมพ์
เวลา 14.30 น. นายเอกติดต่อทหารอีกกลุ่มให้มาเคลียร์ปัญหา
เวลา 15.00 น. ทหารยศพันเอก ร้อยเอก และจ่าสิบเอก มาถึงโรงพิมพ์ ใส่กุญแจมือเสี่ยตุ้ม
เวลา 17.00 น. บุคคลกลุ่มดังกล่าวควบคุมตัวเสี่ยตุ้มไปค้นปืนที่บ้านพัก
นายเอกเปิดเผย ถึงชนวนเหตุ ที่ต้องมีการเคลียร์กันระหว่างพ่อกับลูกชาย คือ ผลประโยชน์จากการขายที่ดิน ราคา 100 ล้านบาท ซึ่งเสี่ยตุ้มขายที่ดินมาได้ แต่ต้องนำมาใช้หนี้คุณพ่อเกือบทั้งหมด
“คือ อย่างที่เป็นข่าวคือ ขายได้ 100 กว่าล้าน แต่ว่าหักหนี้คุณพ่อคนตายขายที่ดินเพื่อไปชำระหนี้ที่เป็นหนี้อยู่ เพื่อตกลงกันประนอมหนี้กัน เพราะผู้ตายเป็นหนี้อยู่ 100 กว่าล้าน แต่ว่ามาสรุปกันที่ 80 ล้าน ขายที่ชำระหนี้ 80 ล้านก็จบกัน ก็เหลือเงินจำนวนหนึ่ง 10 กว่าล้านเท่านั้นเอง แต่ผู้ตายต้องการที่ จะขอเงิน พ่อ 7 ล้าน เพื่อจะไปซื้อบ้านอยู่เพราะว่าที่ดินที่ขายเป็นที่พักของผู้ตายด้วย เขาก็ไม่มีที่อยู่ เขาก็จะให้ลูก 2-3 ล้าน เพื่อไปซื้อคอนโด แต่ลูกไม่เอา ไม่เอาก็เลยมีการบาดหมางกับพ่อว่า เรื่องอย่างนี้ ลูกอยากได้อันนี้พ่อไม่ให้ ก็เลยมีการคล้ายๆว่าขู่ ขู่พ่อว่าถ้าไม่ให้จะฆ่าล้างครัว”
พ.ต.ต.วิเชียร พินดวง รองผู้บังคับการจ.กาฬสินธุ์  (ยศในขณะนั้น) กล่าว

เสี่ยตุ้มไม่พอใจจึงขู่ฆ่าทุกคน


“เขาก็บอกเขาจะฆ่าให้หมด จะฆ่าทุกคน เขาขู่กับพ่อเลย พ่อรู้ว่าเขามีปืน เคยเห็นปืน เขาน่าจะเอาปืนมาโชว์พ่อ พ่อก็เลยให้ทีม รปภ.ไปค้นหาที่บ้านเสี่ยตุ้มแต่ปืนถูกเอาไปซ่อน ทีม รปภ.ก็ค้นหาปืนไม่เจอ” พ.ต.ต.วิเชียร พินดวง รองผู้บังคับการจ.กาฬสินธุ์ (ยศในขณะนั้น) กล่าว

เมื่อตกลงกันไม่ได้และหาปืนไม่เจอ กลุ่มชายฉกรรจ์จึงนำตัวเสี่ยตุ้มขึ้นรถนิสสัน อัลเมล่า สีขาว ป้ายแดง ขับออกจากบ้านไป ในเวลา 19 นาฬิกา
จากนั้น 2 วันต่อมา เสี่ยตุ้มถูกฆ่า 

ใครบ้างเกี่ยวข้องกับการฆ่าครั้งนี้ ?


นายวิรัช พ่อของเสี่ยตุ้มจึงถูกเรียกตัวมาสอบสวน คำให้การของเขาไม่ต่างจากที่นายเอกให้ข้อมูลไว้

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน

นายวิรัชปฏิเสธ ไม่ทราบว่าชายกลุ่มที่นำตัวลูกชายไปเป็นใคร ไม่รู้เป็นทหารจริงหรือปลอม แต่ยืนยันว่า เขาจ้างคนกลุ่มนี้มาเพื่อให้พาลูกชายไปดัดนิสัยเท่านั้น ไม่คิดว่าจะบานปลายกลายเป็นศพถูกฆ่าทิ้งริมทาง
“พ่อก็เลยบอกเอาไปดัดนิสัย หรือไปปรับทัศนคติซะ ซักพักนึงให้ลูกรู้ว่าอะไรควรไม่ควร จากนั้นก็จบตรงนี้ คือ เขาไม่ได้บอกผมถามพ่อว่า เราให้เงินเขาไปเท่าไหร่ พ่อบอกให้ไป 5 หมื่นกับล้าน 5 คนละเรื่องกันนะ ถ้าบอกไปปรับทัศนคติแล้วเอาเงินไป ล้าน 5 มันก็แพงเกินไปมั้งกับค่าจ้าง แต่เขาบอกว่า 5 หมื่น  แล้วพ่อก็บอก พ่อไม่รู้ว่าเป็นใคร มีคนติดต่อมาอีกทีนึง ” พล.ต.ต.จตุพล ปานรักษา รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 (ยศในขณะนั้น) กล่าว


เมื่อพ่อปฏิเสธไม่รู้จักคนชายฉกรรจ์ทีมอุ้ม ตำรวจจึงต้องทำงานหนักต่อไป
“เรารู้หมดแล้วว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริง มีคนเอาตัวไปจริง แต่ยังเป็นปริศนา อยู่ว่าคนร้ายกลุ่มนี้เป็นใคร แล้วช่วงเวลา 2 วัน ตั้งแต่ 29 เอาตัวจากบ้าน แล้วมาเจอศพวันที่ 1 ช่วง 2 วัน 2 คืนอยู่ไหน อันนี้เป็นปริศนา ต้องไขปริศนา ที่ยากก็คือเรารู้ว่ามีคนกลุ่มนี้แต่เราไม่รู้จักสักคน ” พล.ต.ต.จตุพล ปานรักษา รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4  (ยศในขณะนั้น) กล่าว
งานนี้เชื่อว่า น่าจะเกี่ยวข้องกับคนมีสี ในที่สุดความพยายามก็เกิดผล ตำรวจได้ชื่อคนอุ้มเสี่ยตุ้มทั้ง 3 คนแล้ว 2 ใน 3 มีประวัติถูกให้ออกจากราชการไปแล้ว
คนที่ใส่ชุดทหารยศพันเอก คือ นายมนูญหรือสิทธิ์ฐิคมน์ ภัทรเมธาพร ส่วนคนที่มียศร้อยเอก คือ นายเฉลา หรือกิตติภพ เครือใย และนายนำชัยหรือนุติ บัวพัฒน์ เป็น ผู้ขับรถยนต์นิสสัน อัลเมล่า

ปูมหลังของคนร้าย ถูกคลี่ออก
นายมนูญ หรืออดีตพันเอกมนูญ และนายเฉลา หรือร้อยเอกเฉลา มีประวัติเคย ถูกให้ออกจากราชการ เพราะมีคดีเกี่ยวกับทรัพย์ หลังออกจากราชการ ทั้ง 2 คน มีงานหลัก คือการรับจ้างทวงหนี้
2 อดีตทหารเก่ารู้วิธีหลบหลีก และซ่อนตัวอย่างเงียบกริบ


3 สัปดาห์หลังรู้ตัวคนร้าย ตำรวจรวบคนร้ายฆ่าเสี่ยตุ้มได้ 2 คน คือ พันเอกมนูญและผู้กองเฉลา พร้อมยึดรถ ที่ใช้ในวันก่อเหตุ คือ นิสสัน อัลเมล่าสีขาวที่ถูกเปลี่ยนสีให้กลายเป็นสีแดง พบปืน 2 กระบอกพร้อมกระสุนปืน มีชุดทหารที่อยู่แขวนอยู่ในรถ พร้อมบัตรประจำตัวทหารของทั้ง 2 คน
เหลือผู้ต้องหาตามหมายจับอีก 1 คน คือนายนุชหรือนำชัย ซึ่งยังคงหลบหนี

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน

นาทีสังหาร


เบื้องต้นทั้ง 2 ให้การว่า ร่วมกับพวกอีก 3 คน ได้แก่นายนำชัย จ.ส.อ.ชูชัย ทิมพิทักษ์ และนายแสง อุ้มเสี่ยตุ้ม จากบ้านพักย่านห้วยขวางจริง จากนั้นก็พาผู้ตายขับรถล่องมาทางที่อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา
เสี่ยตุ้มแวะกดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม ในเวลา 21.36 น. เวลา 21.45 นาที เสี่ยตุ้มและทีมอุ้มแวะกินข้าวต้มในตัวเมือง ฉะเชิงเทราและเข้าพักที่บังกะโล ในอำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก
จากคำให้การของผู้ต้องหา แสดงว่า เสี่ยตุ้มไม่ได้พยายามหลบหนี หรือ ขัดขืนแต่อย่างใด

ภาพจากอีจัน


“ คือผมว่าคนตายไม่รู้ว่า ตัวเองต้องมาตาย ไม่รู้ตัวคิดว่าคุยกันเหมือนเพื่อน คนรู้จักแล้ว คือ ทางคนที่แต่งเป็นทหารเขาบอกว่า เดี๋ยวพาเข้าค่ายปรับทัศนคติ แล้วพอมาถึงนี่บอกมืดแล้วค่ายทหารปิด ก็เลยมานอน รีสอร์ท แล้ววันนั้นผมคิดว่าเขาคงหาคนจะมายิงก็เลยดึงเวลาไว้ จนกระทั่งมาได้คนยิงทีหลัง” พล.ต.ต.จตุพล ปานรักษา รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 (ยศในขณะนั้น) กล่าว


สายวันเดียวกัน คนกลุ่มนี้ก็ย้อนกลับเข้ากรุงเทพ ส่ง จ.ส.อ.ชูชัย ที่ปั้มน้ำมัน แห่งหนึ่งย่านมีนบุรี และรับนายแสงเพื่อนร่วมทีมอีกคนขึ้นรถมาด้วย
นายแสง ไม่ทราบนามสกุล เป็นตัวละครใหม่ที่จะมีบทบาทสำคัญในเวลาต่อมา


จากนั้นคนร้ายทั้ง 4 คน และเสี่ยตุ้ม ก็ออกเดินทางมุ่งหน้าจังหวัดกาฬสินธุ์ จนถึงจุดสังหาร
“เค้าบอกถึงประมาณตี 1 ผมก็ถามเค้าว่า จะพาไปไหน คนที่ขับรถพามาคือ ไอ้นุช คนชื่อนุชมีเมียอยู่ที่นี่ อยู่กาฬสินธุ์ เดิมเค้าคิดอย่างที่ผมเล่าให้ฟังว่า ที่ว่าจะเอาไปบวชที่ฝั่งเขมรแล้วเอามาหลอกว่า จัดการเรียบร้อยแล้ว มนูญก็บอกเค้าก็พยามห้ามนะแต่พอลงปั๊บ แสงเมา พอลงไปฉี่ ทุกคนลงฉี่หมด แสงยิงเลย ยิงข้างหลังยิงปุ๊ปพากันขึ้นรถเลี้ยวกลับเลย ” พล.ต.ต.จตุพล ปานรักษา รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 (ยศในขณะนั้น) กล่าว
คำให้การสอดคล้องกับสภาพศพของผู้ตาย เขาถูกยิงโดยไม่ทันรู้ตัว และเสียชีวิตทันที ในท่าที่กำลังปลดซิบกางเกงขณะยืนปัสสาวะ!!!

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน


คำซัดทอด ใครสั่งฆ่า
ถึงตอนนี้ ตำรวจพยายามเค้าสอบเพื่อหาคำตอบในข้อสงสัยคาใจที่ว่า เหตุใดนักทวงหนี้จึงกลายเป็นมือสังหาร
หลังสอบสวนกันกว่าค่อนคืน ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนก็ยอมเปิดปากสารภาพ ถึงเบื้องหลังการสังหารครั้งนี้ รวมถึง ชื่อผู้บงการที่มีคำสั่งสุดท้ายให้ เก็บเสี่ยตุ้ม
“ผมก็ถามว่าเค้าสั่งจริงๆเหรอ… บอกจริง!!!” พ.ต.ต.วิเชียร พินดวง รองผู้บังคับการจ.กาฬสินธุ์ กล่าว
อดีตพันเอกมนูญและผู้กองเฉลาซัดทอดถึงนายวิรัช คือ ผู้จ้างวานฆ่า โดยรับค่าทำงานครั้งนี้ จำนวน 2 ล้านบาท
“ซัดทอดเลย ว่าคุณพ่อเป็นคนสั่ง ก็ใช้ว่าจ้างวาน ก็มีการให้เงิน เรียกว่าจ้างวานฆ่า จ่ายเงินงวดแรก งวดที่ 2 หลังจากเกิดเหตุ ลงมือเรียบร้อย แล้วให้ไปรับอีกส่วนนึง จ้างไว้ในวงเงิน 2 ล้าน” พ.ต.ต.วิเชียร พินดวง รองผู้บังคับการจ.กาฬสินธุ์ กล่าว
#สั่งเก็บ 2 ล้านบาท
“2 ล้าน วันแรกที่เอาตัวออกจากบ้านไปที่ขึ้นไปคุยต่างหากเนี่ย ที่ผู้ต้องหาอยู่ในรถ ขึ้นไปรับ ล้าน 5 มีหลักฐานการเบิกเงินเรียบร้อยแล้ว แล้วหลังจากที่นั่นวันรุ่งขึ้น ที่คนนี้ตาย เขาไปรับอีก 5 แสน ก็มีการมาแบ่งเงินกัน” พ.ต.ต.วิเชียร พินดวง รองผู้บังคับการจ.กาฬสินธุ์ (ยศในขณะนั้น) กล่าว
นับเป็นคำซัดทอดที่น่าสะพรึง จริงหรือที่คำสั่งตายเสี่ยตุ้มมาจาก ผู้เป็นพ่อ!!!

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน


สรุปแล้ว คดีอุ้มฆ่า นายภาสพล รัตนตยาธิคุณ หรือเสี่ยตุ้ม ตำรวจออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสิ้น 6 คน
1. นายวิรัช รัตนตยาธิคุณ (พ่อผู้ตาย) ข้อหาจ้างวานฆ่า
2. นายมนูญหรือสิทธิ์ฐิคมน์ ภัทรเมธาพร
3. นายเฉลาหรือกิตติภพ เครือใย
4. จ.ส.อ.ชูชัย ทิมพิทักษ์
5. นายชูชัย หรือนุติ บัวพัฒน์
ในข้อหาร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวเป็นเหตุให้ผู้ถูกกักขังแก่ความตาย และร่วมกันฆ่าผู้อื่น
และคนสุดท้าย คือ
6. นายแสง ไม่ทราบชื่อจริงและนามสกุลจริง เป็น มือปืน ผู้ลั่นไก ซึ่งตำรวจกำลังติดตามตัวเพื่อดำเนินคดี


ฟังคำพิพากษา


ล่าสุดเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2561 ศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิต 4 ผู้ต้องหา
ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ อ่านคำพิพากษา คดีดำที่ อาญา 2852/2559 และคดีแดงที่ 384/2561
จำเลยในคดีนี้ มี 6 คน ประกอบด้วย

จำเลยที่ 1.นายสิทธิ์คมน์ หรือมนูญ ภัทรเมธาพร อดีต นายทหาร ยศพันเอก
จำเลยที่ 2.นายกิตติภพ หรือเฉลา เครือใย อดีตนายทหาร ยศร้อยเอก
จำเลยที่ 3.นายนำชัย หรือนุต บัวพัฒน์
จำเลยที่ 4.นายกองหรือวิรัช รัตนตยาธิคุณ (พ่อของผู้ตาย)
จำเลยที่ 5.นายกันต์ธร หรือแสง กีรติกา
และ จำเลยที่ 6. จ.ส.ต.ชูชัย พิมพ์พิทักษ์

คดีนี้ศาลได้สืบพยานโดยเฉพาะพยานบุคคล 45 ปาก ปรากฏว่าจำเลยที่ 5 คือ นายกันต์ธร หรือแสง กีรติกา ให้การรับสารภาพ และจำเลยที่ 6 คือ จ.ส.ต.ชูชัย พิมพ์พิทักษ์ มีพฤติกรรมเพียงกักขังหน่วงเหนี่ยว และ จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3 ให้การซัดทอด ไปยัง จำเลยที่ 4 คือ นายกอง หรือวิรัช รัตนติยาธิคุณ ซึ่งเป็นพ่อของผู้ตาย ว่าเป็นผู้ว่าจ้างให้ฆ่าลูกของตัวเอง

ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ จึงได้อ่านคำพิพากษาตัดสิน จำคุกจำเลยที่ 1 ถึง จำเลยที่ 4 ประกอบด้วย
จำเลยที่ 1.นายสิทธิ์คมน์ หรือมนูญ ภัทรเมธาพร อดีต นายทหาร ยศพันเอก จำเลย 2.นายกิตติภพ หรือเฉลา เครือใย อดีตนายทหาร ยศ.ร้อยเอก จำเลยที่ 3.นายนำชัย หรือนุต บัวพัฒน์ จำเลยที่4.นายกองหรือวิรัช รัตนตยาธิคุณ (พ่อของผู้ตาย) #ให้จำคุกตลอดชีวิต

โดยมีฐานความผิด ใช้และร่วมกันกระทำความผิดฐานข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการหรือจำยอมใด โดยใช้กำลังประทุษร้าย, กักขังหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย, ใช้และร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน,ร่วมกันมีและใช้อาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต, พกพาอาวุธปืนไปในที่ทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับใบอนุญาตโดยไม่มีเหตุอันควร, สวมเครื่องแบบหรือประดับเครื่องหมายของเจ้าพนักงานโดยผิดกฎหมายและแต่งเครื่องแบบทหาร
โดยผิดกฎหมาย

ส่วนจำเลยที่ 5 คือ นายกันต์ธร หรือแสง กีรติกา ให้การรับสารภาพ ศาลลดโทษเหลือจำคุก 31 ปี 6 เดือน ส่วนจำเลยที่ 6 คือ จ.ส.ต.ชูชัย พิมพ์พิทักษ์ โทษกักขังหน่วงเหนี่ยวจำคุก 2 ปี

ปิดคดีสุดสะพรึง!!!!!!
อีจันรายงาน