ร้อนจัด! กรมอนามัย เผยปี 62-66 พบตายด้วยฮีทสโตรกเฉลี่ย 26.1 ราย/ปี

อากาศร้อนจัด! กรมอนามัย แนะเช็กอาการ “ฮีทสโตรก” ชี้ปี 62-66 พบตายเฉลี่ย 26.1 ราย/ปี

หน้าร้อนปีนี้ ประเทศไทยจะมีอากาศร้อนอบอ้าว และมีอากาศร้อนจัดในหลายพื้นที่

วันนี้ (7 มี.ค.67) นางสาวกรรวี สิทธิชีวภาค อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า ปีนี้ไทยเข้าสู่ฤดูร้อนตั้งแต่วันที่ 21 ก.พ.67 ซึ่งอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยประเทศไทยตอนบน 35-38 องศาเซลเซียส และคาดอุณหภูมิสูงที่สุด 43 – 44.5 องศาเซลเซียส ซึ่งใกล้เคียงหรือเทียบเท่ากับสถิติของประเทศไทย (44.6 องศาเซลเซียส ที่ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน 28 เมษายน 2559 และ อ.เมือง จ.ตาก 15 เมษายน 2566) ช่วงกลางเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนพฤษภาคม อากาศร้อนจัดต่อเนื่องเป็นเวลานาน อาจจะทําให้เกิดภัยและโรคที่มีสาเหตุมาจากอากาศร้อน

นอกจากนี้ แม้ปีนี้อุณหภูมิสูงสุด 43 – 44.5 องศาเซลเซียส แต่ความรู้สึกของมนุษย์ หรือค่าดัชนีความร้อน หรือ Heat Index อาจสูงมากกว่า ซึ่งอยู่ในระดับอันตรายมากในบางวัน โดยเฉพาะในช่วงเดือนเมษายน – ต้นเดือนพฤษภาคม ดังนั้นต้องวางแผนการใช้ชีวิตประจำวันให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพน้อยที่สุด

ขณะที่แพทย์หญิงอัจฉรา นิธิอภิญญาสกุล อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า อุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นส่งผลให้ความร้อนในบรรยากาศเพิ่มสูงขึ้น และสถานการณ์ความร้อนของประเทศไทยที่ผ่านมามีค่าอุณหภูมิเฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

กลุ่มที่เสี่ยงเจ็บป่วยและเสียชีวิตจากความร้อน ได้แก่ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว ผู้ที่มีภาวะอ้วน ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และผู้ที่ทำงานหรือทำกิจกรรมกลางแจ้งเป็นเวลานาน

แพทย์หญิงอัจฉรา ระบุว่า จากข้อมูลการเฝ้าระวังการเจ็บป่วยและการเสียชีวิตด้วยโรคจากความร้อน (กลุ่มโรค Heat Stroke) ในช่วงปี 2562 – 2566 พบว่า มีผู้เสียชีวิตสะสม 131 คน เฉลี่ยเป็น 26.1 รายต่อปี และพบแนวโน้มผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มวัยทำงานและกลุ่มผู้สูงอายุ

นอกจากนี้ ในปี 2566 กรมอนามัยยังได้ติดตามเฝ้าระวังอาการและพฤติกรรมการป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพจากความร้อน โดยพบว่า อาการเสี่ยงที่พบมากที่สุด คือ ปวดศีรษะ ปัสสาวะมีสีเข้ม เวียนศีรษะ/สับสน/มึนงง มีผื่นแดงตามผิวหนัง รวมถึงยังพบพฤติกรรมเสี่ยงจากความร้อน เช่น ทำกิจกรรมกลางแจ้งในช่วงสภาพอากาศร้อนจัด อยู่ในห้องที่ระบายอากาศได้ไม่ดีหรือไม่มีเครื่องปรับอากาศดื่มสุรา น้ำหวาน และน้ำอัดลม

แนะนำให้ลดความเสี่ยงด้านสุขภาพจากความร้อน โดยดื่มน้ำบ่อย ๆ ไม่ต้องรอให้กระหายน้ำ สวมเสื้อผ้าสีอ่อน ระบายอากาศได้ดี สวมหมวกปีกกว้าง แว่นกันแดด และทาครีมกันแดดเป็นประจำ หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้งในช่วงที่มีสภาพอากาศร้อนจัดหลีกเลี่ยงการดื่มชา กาแฟ น้ำอัดลม และแอลกอฮอล์ รวมถึงรับประทานอาหารปรุงสุกใหม่ และติดตามสถานการณ์ค่าดัชนีความร้อนจากกรมอุตุนิยมวิทยา หากค่าดัชนีความร้อนอยู่ในระดับอันตราย (42.0 – 51.9 องศาเซลเซียส) ควรลดระยะเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง

สังเกตอาการเสี่ยงจากโรคลมร้อนหรือฮีทสโตรก (Heat Stroke) ได้แก่ ผิวหนังแดงร้อน ชีพจรเต้นเร็วและแรง ปวดศีรษะ สับสน มึนงง คลื่นไส้หรืออาเจียน ความรู้สึกตัวของร่างกายเปลี่ยนไป หมดสติ และอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ ทั้งนี้ หากพบผู้ป่วยโรคฮีทสโตรก ให้รีบปฐมพยาบาลและนำส่งโรงพยาบาล หรือโทร 1669

ฤดูร้อนเพิ่งเริ่มต้นยังต้องอยู่กันไปจนถึงเดือน พ.ค.67 ดูแลสุขภาพให้ดีนะคะ