รู้จัก อาจารย์เกรียงไกร บุญธกานนท์ ซินแสผู้ฝืนชะตาฟ้า

เปิดประวัติ อาจารย์ เกรียงไกร บุญธกานนท์ ซินแสฮวงจุ้ยมากประสบการณ์กว่า 30 ปี ผู้ฝืนชะตาฟ้า

อาจารย์เกรียงไกร บุญธกานนท์ เกิดเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2477 ปัจจุบัน อายุ 90 ปี มีชื่อภาษจีนว่า เกียงเอี๋ยว สืบเชื้อสายมาจากตระกูลโง้ว โดยออกเดินทางล่องเรือมาจากจีนแผ่นดินใหญ่ และมาตั้งถิ่นฐานในประเทศไทย ที่จังหวัด ชลบุรี  

อาจารย์เกรียงไกรเป็นบุตรชายคนโต จากจำนวนพี่น้องทั้งหมด 14 คน แบ่งออกเป็นชาย 7 หญิง 7 เดิมทีครอบครัวของอาจารย์เกรียงไกรประกอบอาชีพเดินเรือ ตั้งแต่รุ่นคุณปู่และคุณพ่อ ต่อมาเมื่ออาจารย์เกรียงไกรอายุ 2 ขวบ คุณปู่ได้ตัดสินใจ เปลี่ยนไปทำโรงงานน้ำปลา เพราะเห็นว่าน่าจะมีความมั่นคงมากกว่า ซึ่งธุรกิจโรงงานน้ำปลา ก็ต้องเผชิญกับปัญหาและอุปสรรคมากมาย แต่ด้วยความขยัน อดทนของทุกคนในครอบครัว กิจการจึงค่อย ๆ ขยายตัวและเติบโต โดยที่ตัวของอาจารย์เกรียงไกรเป็นผู้มีส่วนสำคัญในการบุกเบิกธุรกิจนี้ตั้งแต่อายุเพียง 15 ปี เท่านั้น 

ด้านชีวิตครอบครัว อาจารย์เกรียงไกร แต่งงานเมื่อปี พ.ศ. 2501 มีบุตรทั้งหมด 7 คน เป็นชาย 1 หญิง 6 ส่วนเส้นทางการศึกษาศาสตร์ฮวงจุ้ยนั้น เริ่มต้นเมื่ออาจารย์เกรียงไกร อายุได้ 20 ปี โดย อาจารย์หยกซิ่ว แซ่โง้ว เหล่าเจ็ก (น้องชายคุณปู่) เป็นผู้สอน และได้มีโอกาสใช้หลักวิชาการดังกล่าวเป็นครั้งแรก เมื่อต้องย้ายสุสานของอาม่า เนื่องจากรัฐบาลขอเวนคืนที่ดิน  

เหล่าเจ็กจึงตัดสินใจว่าให้ใช้ที่ดินที่มีอยู่แล้วทำเป็นสุสาน โดยให้คำรับรองกับทุกคนว่า เมื่อทำแล้วธุรกิจของครอบครัว จะขยายขึ้นเท่าตัวในปีแรกและจะถึงร้อยเท่าใน 10 ปี ในที่สุด เหล่าเจ็กและอาจารย์เกรียงไกร ก็ช่วยกันเปลี่ยนแปลงสภาพของพื้นที่ ปรับใหม่ให้มีองค์ประกอบถูกต้อง ตามหลักของวิชา ฮวงจุ้ย หลังจากย้ายสุสานอาม่า จากกิจการโรงงานน้ำปลาที่เคยมีรถขายน้ำปลาอยู่เพียง 1 คัน ก็ได้เพิ่มขึ้นเป็น 2 คัน และ 98 คันในที่สุด ซึ่งก็ตรงตามคำบอกของเหล่าเจ็กที่ว่าการค้าจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว  

ทว่าในปีที่ 10 รัฐบาลมีโครงการตัดทางรถไฟไปพัทยา และเส้นทางนั้นต้องเจาะอุโมงค์ผ่านเหนือสุสาน ของอาม่า หลังจากนั้น ธุรกิจก็ล้มเหลว อาจารย์เกรียงไกรล้มป่วย ด้วยโรคตับแข็ง ต้องรักษาตัวเป็นเวลานานกว่า 3 ปี โดยที่อาการมีแต่ทรงกับทรุด ในช่วงนี้เหล่าเจ็กเสียชีวิตไปแล้ว จึงเหลือแต่อาจารย์เกรียงไกรเพียงคนเดียว ที่จะต้องเป็นผู้หา สุสานใหม่ ให้อาม่า 

เมื่ออาจารย์รู้สึกว่าอาการป่วยทุเลาพอจะไปหาที่ทำ สุสาน ได้ จึงออกหา บังเอิญพบภูเขาลูกหนึ่ง ซึ่งวัดองศาดูแล้ว อยู่ในทิศทางที่มีราศีมาเข่นฆ่าราศีที่ทำให้ อาจารย์ เกรียงไกร บุญธกานนท์ ป่วยหนัก ถึงขนาดจะสิ้นอายุได้ อาจารย์จึงตัดสินใจสร้าง สุสาน อาม่าที่ภูเขาลูกนั้นทันที หลังจาก ย้ายสุสาน ให้อาม่าได้ 1 เดือน อาการป่วยของท่านเริ่มดีขึ้นมากกว่าเท่าตัว ต่อมา ในเดือนที่ 3 อาการป่วยหายสนิท ทั้งที่แพทย์เคยบอกว่า อาการ ตับแข็งของคุณเกรียงไกร ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ เมื่อสุขภาพดีขึ้น ธุรกิจก็เริ่มฟื้นตัว อาจารย์ เกรียงไกรจึงเชื่อมั่นในอิทธิพลของศาสตร์แห่งฮวงจุ้ย มาจนบัดนี้ 

อาจารย์เกรียงไกรเล็งเห็นว่า ฮวงจุ้ย เป็นศาสตร์ที่ลึกลับเพราะการสืบทอดวิชาจากรุ่นต่อรุ่น บางครั้งมีการสงวนเคล็ดสำคัญไว้จนหลักวิชาค่อยๆ เลือนหายไปและถูกลดทอนอย่างน่าเสียดาย อาจารย์เกรียงไกร ได้ใช้เวลากว่า 6 ปี ในการเสาะหาสถานที่ที่มีทำเลสมบูรณ์แบบตามตำราฮวงจุ้ย และใช้ในเวลาอีก 3 ปี ในการรวบรวมพื้นที่เพื่อรองรับฮวงซุ้ย ซึ่งเป็นสถานที่กำหนดวิถีชีวิตที่สำคัญที่สุดของชาวจีนและได้เปิดดำเนินการก่อตั้ง มูลนิธิ ภูมิโหราศาสตร์ (ฮูลิน) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2537 จนถึงปัจจุบัน ที่อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี 

โดยมูลนิธิฮูลิน ตั้งตระหง่านอยู่ในพื้นที่อันกว้างใหญ่ไพศาลกว่า 3,000 ไร่ มีทิวทัศน์สวยงามโอบล้อมด้วยภูเขาประดุจกำแพงเมืองที่แข็งแกร่ง มีเนินดิน แหล่งน้ำ ต้นไม้เขียวชอุ่มหลากหลายชนิด พร้อมด้วยสิ่งปลูกสร้างที่มีเอกลักษณ์ ความวิจิตรงดงาม ซึ่งจุดประสงค์ของการก่อตั้งนี้ เพื่อสืบทอดภูมิปัญญาของ บรรพชน และเผยแพร่ในวงกว้าง อย่างมีหลักวิชาการ พร้อมทั้งพัฒนาหลักสูตร ให้เกิดการเรียนรู้ อย่างเป็นระบบมากขึ้น และทำสุสานที่ถูกต้องตามหลัก ฮวงจุ้ย ไว้เป็นตัวอย่า ให้ผู้ทำ สุสาน ตลอดจนคนทั่วไปได้ศึกษา 

สำหรับมูลนิธิสุสานฮูลินประกอบด้วย “ชัยภูมิ 4 วิเศษ” ที่สมบูรณ์แบบทุกประการ ยากที่ฮวงซุ้ย (สุสาน) ใดในประเทศไทยจะมีครบถ้วน ทุกพื้นที่ภายในอาณาเขตฮูลินได้รับอิทธิพลของบทบาท 1 ใน 4 ของชัยภูมิ 4 วิเศษ คือ “บทบาทของภูเขาล้อมรอบกำแพงเมือง (แอ่งกระทะ)” และในบางพื้นที่ก็จะมีบทบาทชัยภูมิ 4 วิเศษนอกเหนือจากนี้เพิ่มเติมซึ่งขึ้นอยู่กับทำเลของพื้นที่แต่ละแห่ง 

ชัยภูมิ 4 วิเศษ ส่งผลให้ผู้ที่ไปสร้างฮวงซุ้ย (สุสาน) มีความสุขความเจริญ กระทำสิ่งใดจะประสบผลสำเร็จ เมื่อโอกาสดีๆเข้ามาในชีวิตจะสามารถผลักดันโอกาสนั้นไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองยิ่งๆขึ้นไป ซึ่งชัยภูมิ 4 วิเศษ ตามหลักวิชาฮวงจุ้ยประกอบด้วย 

– เต่าซ้อนเต่า หันหน้าไปทางทิศเหนือ – มีบทบาทในการเกื้อหนุนให้มีบารมีระดับผู้นำประเทศ เช่น จักรพรรด์ ประธานาธิปดี นายกรัฐมนตรี เป็นต้น 

– มุกตะขาบ หันหน้าไปทางทิศใต้ – มีบทบาทในการเกื้อหนุนให้มีความโดดเด่น ไม่ว่าจะกระทำสิ่งใดก็จะมีชื่อเสียงโด่งดัง ร่ำรวย ธุรกิจเจริญรุ่งเรือง ก้าวหน้าในหน้าที่การงาน มีอำนาจวาสนาและบารมีเสมอเหมือนขุนนางใหญ่ในอดีต ยิ่งกว่านั้น มุกตะขาบ มีอิทธิพลในการส่งเสริมให้ผลงานทางด้านวิชาการ ทางการวิจัยค้นคว้า ทางการวางกลยุทธ์ ประสบผลสำเร็จเป็นที่ยอมรับของบุคคลทั่วไป 

– ชัยภูมิที่สะท้อนรูปลักษณ์ต่างๆ เช่น สิงโต เสือ มังกร นก งู หนู ฯลฯ – มีบทบาทในการเกื้อหนุนให้มีความร่ำรวย มีความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน หากรับราชการก็จะได้เป็นข้าราชการระดับสูง เช่น ระดับปลัดกระทรวง หากเป็นพ่อค้าก็จะเจริญรุ่งเรืองร่ำรวย และในกรณีที่ทำงานในองศ์กรก็จะได้เป็นผู้บริหารระดับสูง  

– ภูเขาล้อมรอบพื้นที่เป็นกำแพงเมือง ตรงกลางเป็นแอ่งกระทะหรือกระทะหงาย – มีบทบาทในการเก็บรักษาพลังที่ดีไว้ภายในอาณาจักรและป้องกันมิให้สิ่งดีๆ รั่วไหลออกไปภายนอก ในทำนองเดียวกันการที่มีภูเขาล้อมรอบเป็นกำแพงจะช่วยป้องกันมิให้พลังที่ไม่ดีไม่พึงประสงค์หลั่งไหลเข้ามาภายในอาณาจักรเช่นกัน 

ขอบคุณข้อมูลจาก : hulinthai, avivaspirit, fengshuitown