ช็อก สสส. สำรวจพบ ยอดเด็กไทยสูบบุหรี่ไฟฟ้า พุ่ง 5 เท่า! เพราะ ซื้อ-ขายง่าย และกฎหมายไม่แข็งพอ

บุหรี่ไฟฟ้าระบาดหนักในไทย และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ พบ ส่วนใหญ่เป็นเยาวชน แสนเป็นห่วง เด็กหลายคนยังไม่ทันรู้อันตรายของมัน สสส. หวัง กฎหมายเข้มขึ้น

เครือข่ายควบคุมยาสูบ ชี้! บุหรี่ไฟฟ้าระบาดหนักในเยาวชนไทย ทุกภาคส่วนต้องแก้ปัญหาร่วมกัน บังคับใช้กฎหมายให้เข้มแข็งมากขึ้น

วันนี้ (23 ม.ค. 67) ศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ  ร่วมกับ ศูนย์ความรู้สำหรับมาตรา 5.3 ของ WHO-FTFC และภาคีเครือข่ายควบคุมยาสูบ ร่วมจัดกิจกรรม เสวนาสื่อมวลชน “เจาะลึก…เบื้องหลังบุหรี่ไฟฟ้าระบาดหนักในเด็กไทย” ซึ่งหลังการสำรวจล่าสุด พบว่าเด็กไทยมีอัตราการสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นถึง 17.6% หรือคิดเป็น 5.3 เท่าระหว่างปี 2558-2565 ซึ่งโทษของบุหรี่ไฟฟ้า อันตรายไม่แพ้บุหรี่มวน ทั้งยังอาจเป็นเหตุที่นำไปสู่การใช้สารเสพติด

 โดย ครูสุวิมล จันทร์เปรมปรุง เครือข่ายครูเพื่อโรงเรียนปลอดบุหรี่ กล่าวถึงสถานการณ์การสูบบุหรี่ไฟฟ้าของนักเรียนไทย ว่า การสูบบุหรี่ไฟฟ้าในสถานศึกษา ยังมีอยู่มาก เนื่องจากเด็กไม่ทราบถึงผลเสียของบุหรี่ไฟฟ้า มีการชักชวนกันสูบภายในโรงเรียน เด็กบางคนสูบกันมาตั้งแต่ชั้นประถม และผู้ปกครองก็ไม่ทราบถึงอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้าด้วยซ้ำไป เพราะมันมีกลิ่นที่หอม หน้าตาเหมือนของเล่น จึงไม่นึกว่าอันตราย และที่แย่ไปกว่านั้นคือร้านขายบุหรี่ไฟฟ้าหลายที่ กลับเปิดขายอยู่ใกล้สถานศึกษา กรณีที่มีการเรียกร้องให้ยกเลิกกฎหมายห้ามบุหรี่ไฟฟ้าและเปลี่ยนเป็นควบคุมแทน ตนเชื่อมั่นว่า การคงอยู่ของกฎหมายห้ามบุหรี่ไฟฟ้า จะยังเป็นผลดีมากกว่า เพียงแต่ต้องบังคับใช้ให้เข้มขึ้น

นพ.ชยนันท์ สิทธิบุศย์ ผู้อำนวยการกองงานคณะกรรมการควบคุมการบริโภคยาสูบ กรมควบคุมโรค กล่าวว่า อัตราการสูบบุหรี่ไฟฟ้าในเยาวชนไทย เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะในเด็กอายุ 13-15ปี โดยเด็กไทยมีทัศนคติต่อการสูบบุหรี่ที่เปลี่ยนไป มองว่าบุหรี่ไฟฟ้าไม่อันตราย และมีสื่อโฆษณาต่างๆ ที่คอยชักนำ ซึ่งเป็นข้อค้นพบว่า การสูบบุหรี่ไฟฟ้าของเยาวชนเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ธุรกิจการซื้อขายบุหรี่ไฟฟ้ามุ่งเป้าไปที่เยาวชนมากขึ้น ทั้งนี้ เยาวชนมีค่านิยมทางลบต่อการสูบบุหรี่ลดลง และสื่อรณรงค์ต่างๆ มีการสื่อสารที่ไม่ตรงกับช่องทางการรับสื่อของเยาวชน โดยคณะกรรมการควบคุมบริโภคยาสูบ มีแนวทางการแก้ปัญหากรณีนี้ โดยการเน้นสร้างองค์ความรู้ ความตระหนัก เฝ้าระวังการบังคับใช้กฎหมาย พัฒนาภาคีเครือข่าย และยืนยันมาตรการห้ามนำเข้า และห้ามจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย

ทางด้าน นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ยังย้ำชัดถึงการดำเนินงานของ สสส. เกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า โดยทาง สสส.ยังสนับสนุนให้คงกฎหมายห้ามบุหรี่ไฟฟ้า และมองว่าทุกหน่วยงานต้องช่วยกันแก้ปัญหาจุดนี้ สสส.ถูกวางให้เป็นผู้สานพลัง ขณะที่รัฐบาลต้องมีการควบคุมกฎหมาย ภาควิชาการต้องทำข้อมูลออกมาเพื่อสร้างองค์ความรู้ และรณรงค์ถึงความอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้าในเยาวชน และภาคประชาชนต้องร่วมด้วยช่วยกัน ขับเคลื่อนและแก้ปัญหานี้

การแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในเยาวชนไทยนั้น ต้องสร้างองค์ความรู้และให้ตระหนักถึงอันตรายที่จะได้รับ นอกจากนี้ หลายภาคส่วนยังมองว่าการบังคับใช้กฎหมายห้ามบุหรี่ไฟฟ้า ย่อมส่งผลดีกว่าการควบคุม เพราะจากที่เห็นในปัจจุบัน ภาครัฐยังไม่สามารถควบคุมการซื้อขายบุหรี่ไฟฟ้าได้ทั้งหมด หากมีการบังคับใช้กฎหมายที่แข็งแรงขึ้น ปัญหาการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในเยาวชนจะลดลง ส่งผลดีต่อสุขภาพ และลดโอกาสการนำไปสู่การติดสารเสพติดในเยาวชน