
สายมูห้ามพลาด!!!
เนื่องจากวันนี้ (13 ก.พ.67) เป็นวันคเนศชยันตี หรือวันคล้ายวันประสูติพระพิฆเนศ อีกหนึ่งวันสำคัญที่เหล่าสายมู หรือคนที่ศรัทธาในองค์พ่อพระพิฆเนศ นิยมกราบไหว้และขอพรตามเทวสถานต่างๆ ‘อีจัน’ จึงได้นำเรื่องราวเกี่ยวกับ “พระพิฆเนศ 32 ปาง” มาฝากลูกเพจกันค่ะ
พระองค์ถือกำเนิดมาจากเหงื่อไคลและแรงอธิษฐานของพระแม่ปารวตีหรือพระอุมาผู้เป็นมเหสีของพระศิวะ แต่ในยามที่เทพองค์น้อยนั้นถือกำเนิดมา เป็นช่วงเวลาที่พระศิวะไม่อยู่ที่เขาไกรลาส พระพิฆเนศจึงไม่เคยรู้จักพระศิวะผู้เป็นบิดาเลย วันหนึ่งขณะที่พระแม่ปารวตีกำลังสรงน้ำ โดยสั่งให้พระพิฆเนศคอยเฝ้าภายนอกไว้ไม่ให้ผู้ใดบุกรุกเข้ามา ก็เป็นเวลาเดียวกับที่พระศิวะเสด็จกลับมา จึงถูกพระพิฆเนศขัดขวางไว้มิให้ล่วงล้ำเข้าไปด้านใน ทำให้พระศิวะมีโทสะและเกิดการต่อสู้กันอย่างดุเดือดจนพระพิฆเนศถูกพระศิวะใช้ตรีศูลตัดเศียรขาดสิ้นชีพไป

เมื่อพระแม่ปารวตีทราบเรื่องเข้าก็ทั้งโศกเศร้าและกริ้วเป็นที่สุด พระนางต่อว่าพระศิวะอย่างรุนแรงที่สังหารบุตรชายของนาง พระศิวะเมื่อได้ทราบว่าเด็กที่ตนสังหารนั้นเป็นลูกก็รีบหาทางชุบชีวิตให้ฟื้นคืน แต่เนื่องจากเศียรของพระพิฆเนศนั้นไม่เหลืออยู่แล้ว องค์ศิวะจึงส่งตรีศูลออกไปหาศีรษะอื่นมาต่อให้ทันเวลา โดยศีรษะที่ได้กลับมาคือหัวของช้าง
หลังจากคืนชีพให้พระพิฆเนศแล้ว พระศิวะยังได้ประทานพรให้ด้วยว่า ในการประกอบพิธีทั้งหลายทั้งปวง จะต้องมีการทำพิธีบูชาพระพิฆเนศก่อน เพื่อให้เกิดความสัมฤทธิผลของพิธีการนั้นๆ แม้พระพิฆเนศจะเป็นเทพในร่างวัยเยาว์ แต่ก็มีพลังอำนาจล้นเหลือ ที่สำคัญทรงมีสติปัญญาเฉลียวฉลาดยิ่งนัก ดังเช่นตำนานตอนหนึ่งที่ว่า
คราหนึ่งพระนางปารวตีได้นำผลมะม่วงมาถวายพระศิวะหนึ่งผล แต่ปรากฏว่าโอรสทั้งสองคือ พระคเณศและพระขันฑกุมารโอรสองค์โต อยากกินมะม่วงผลนั้นด้วยกันทั้งคู่ พระศิวะจึงทดสอบสติปัญญาของโอรสทั้งสอง ด้วยบททดสอบว่าหากผู้ใดเดินทางได้รอบโลกครบ 7 รอบและกลับสู่วิมานได้ก่อน โอรสผู้นั้นก็จะได้รับผลมะม่วงไป

พระขันฑกุมารรีบขี่นกยูงพาหนะของตนเหาะออกไปโดยเร็ว แต่พระพิฆเนศกลับเดินประทักษิณรอบพระบิดา 7 รอบ แล้วกล่าวว่า “ข้าแต่พระบิดา พระองค์คือจักรวาล และจักรวาลคือพระองค์ พระองค์ผู้สร้างโลกและทรงเป็นบิดาแห่งข้าพระองค์ ข้าพระองค์ได้ทำประทักษิณรอบพระองค์เจ็ดรอบ ถือว่าเท่ากับได้เดินทางรอบโลกเจ็ดรอบแล้วเช่นเดียวกัน” พระศิวะได้ฟังดังนั้นก็ยินดีในคำตอบและความชาญฉลาดของพระพิฆเนศยิ่งนัก
สำหรับของที่ใช้ในการบูชา “พระพิฆเนศ” ห้ามใช้เนื้อสัตว์ทุกชนิด ให้ถวายผลไม้ที่สุกแล้วเป็นหลัก เช่น อ้อย น้ำอ้อย นมวัว ขนมโมทกะ (หรือขนมต้มแดง ขนมต้มขาวของไทย) หรือขนมหวานลาดูป ตลอดจนข้าวสาร เกลือ พืช ผัก งา สมุนไพร ธัญพืชและเครื่องเทศก็สามารถใช้ถวายได้
โดยพระพิฆเนศทั้ง 32 ปาง ลักษณะและความหมายตามภาพด้านล่างนี้
































ลองดูนะคะ สวดถูกบท ขอพรพระพิฆเนศถูกปาง จะได้ปังๆ สมหวังยิ่งขึ้น
ข้อมูลจาก: phetchannews