ทลายเครือข่ายแก็งคอลเซ็นเตอร์ ยึดทรัพย์ 300 ล้าน!

2 บิ๊ก รอง ผบ.ตร. ลุยทลายเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตัดวงจรนายทุนจีนสีเทา ซุกไทยทำธุรกิจผิดกฎหมาย ยึดทรัพย์กว่า 300 ล้านบาท

แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกลื่อนเมือง! นายทุนจีนซุกอยู่ไทย หลอกคนไทย ใช้ชีวิตหรูอยู่สบาย

แต่! ถึงเวลาล้างบาง ปฏิบัติการ “ล้มไม้ค้ำ ลิดกิ่งก้าน”

โดยวันนี้ (3 พ.ย. 65) ที่ บช.สอท.  พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร., พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 และ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง ผบก.ตม.1 ร่วมกันแถลงข่าวผลปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายนายทุนจีนสีเทา โดยปิดล้อมตรวจค้น 3 จุด ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จับกุมผู้ต้องหากว่า พร้อมของกลาง ทรัพย์สิน มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท

โดยจุดแรกที่เข้าตรวจค้น เป็นบ้านพักในเขตประเวศ พบชาวจีน 5 คน และคนไทย 3 คน พร้อมทรัพย์สินหลายรายการ เช่น รถยนต์ 3 คัน รถจักรยานยนต์ ดูคาติ สีแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน สุราต่างประเทศกว่า 50 ขวด โทรศัพท์มือถือ 13 เครื่อง คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค 3 เครื่อง และ เงินสด 7 ล้านบาท

จุดที่ 2 เป็นบ้านพักในหมู่บ้านหรู เขตประเวศ พบชายชาวจีน 1 คน และคนไทย 2 คน พร้อมตรวจยึดทรัพย์สินอีกหลายรายการ

จุดที่ 3 เป็นคอนโดแห่งหนึ่ง บริเวณซอยสุขุมวิท 39 พบชาวจีน 4 คน พร้อมยึดทรัพย์สิน เช่น เงินสด 28 ล้านบาท กระเป๋าแบรนด์เนมหรู 8 ใบ

โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า จากการนำบัตรประชาชนของผู้ต้องหาที่ตรวจยึดมาตรวจสอบกับสารบบทะเบียนราษฎร์ของกรมการปกครอง ปรากฏว่า เลขประจำตัวประชาชนดังกล่าว นายทะเบียนออกให้กับบุคคลอื่น (ใบหน้าไม่ตรงกัน) จึงเชื่อว่าเป็นการปลอมบัตรประจำตัวประชาชน จากการตรวจสอบแล้วพบว่าบุคคลตามบัตรประชาชนยังมีชีวิตอยู่ และทำอาชีพหักข้าวโพดอยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด โดยประเด็นนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อยู่ระหว่างการขยายผลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีหน้าที่ในการออกเอกสารดังกล่าว

ส่วนทรัพย์สินต่าง ๆ ที่ตรวจยึดได้ จะมีการตรวจสอบความถูกต้อง และความเชื่อมโยงกับคดีอาชญากรรมออนไลน์ที่ได้มีการแจ้งความไว้ในระบบการรับแจ้งความออนไลน์ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติต่อไป

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวต่อว่า  คดีนี้สืบเนื่องมาจากการเข้าตรวจค้นขยายผลกรณีเครือข่ายธุรกิจสีเทาของนักลงทุนชาวจีนในพัทยา จังหวัดชลบุรี และต่อเนื่องมาจากการเข้าจับสถานประกอบการจินหลิง ย่านยานนาวา กรุงเทพมหานคร  ซึ่งการตรวจค้นทั้ง 3 จุดนี้ มีความเชื่อมโยงกันกับกลุ่มทุนจีนในพัทยา และยานนาวา กรุงเทพ​มหานคร  นอกจากนี้ยังพบพาสปอร์ต 2 สัญชาติ คือไทยและกัมพูชา มีการเดินทางเข้าออกกัมพูชา 25 ครั้ง และกัวลาลัมเปอร์ มาเลเชีย 12 ครั้ง  นอกจากนี้จากการสอบสวนในเบื้องตนยังมีการทำธุรกิจร้านสุกกี้ในคิงส์โรมัน  สปป.ลาว และพื้นที่ 3 เหลี่ยมทองคำด้วย

ส่วนข้อมูลที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ให้กับตำรวจเกี่ยวกับ 5 กลุ่มทุนเครือข่ายชาวจีน ขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างขยายผล เช่นเดียวกับประเด็นที่มีการพาดพิงว่า ผู้ต้องหาชาวจีนบางคน มีความสนิทกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ รวมทั้งสนิทสนมกับอดีตรัฐมนตรีคนหนึ่ง ตำรวจเข้าตรวจสอบและตรวจค้นที่พักของอดีตรัฐมนตรีไปแล้วแต่ยังไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย หรือมีหลักฐานเชื่อมโยง ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายชาวจีน

คลิปอีจันแนะนำ
ครูเล่านาทีระทึก ทาสยา บุกทำร้ายคาห้องเรียน