วันนี้ 6 ต.ค. 65 เวลา 10.00 น. ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ได้นำตัวนาย รูดี้ บาฮาร์ อายุ 53 ปี ชายชาวอิสราเอลที่เดินทางมาร้องเรียนว่า ภรรยาของตัวเองซึ่งเป็นคนไทย นอกใจไปคบหากับชายคนหนึ่ง คาดว่าเป็นทหารเรือ ยศเรือโท และได้พามายังร้านกาแฟที่เปิดไว้เป็นกิจการของครอบครัว โดยพนักงานในร้านก็เคยพบเจอ แต่ไม่มีใครกล้าที่จะพูดอะไร จนกระทั่งมีการใช้อาวุธปืนมายิงหวังเอาชีวิต จึงเข้าแจ้งความ แต่คดีไม่คืบ จึงต้องมาร้องเรียนในวันนี้
โดยเหตุยิงดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 ส.ค. ที่ผ่านมา และทางนายรูดี้และครอบครัว ก็ได้เข้าแจ้งความที่ สภ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ท้องที่เกิดเหตุ แต่หลังจากนั้น ก็ยังไม่มีการดำเนินการใดๆต่อ จนกระทั่งนายรูดี้ได้ถูกล่ามหลอกให้เซ็นยินยอมไม่เอาความ
ซึ่งทนายษิทรา กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ (7 ต.ค 65) จะส่งทีมงานของตัวเอง ไปยัง สภ.พื้นที่เกิดเหตุ เพื่อแจ้งความดำเนินคดีอีกครั้ง ทั้งในข้อหา พยายามฆ่า, พกพาอาวุธปืน, และอาจจะเข้าข่ายการบุกรุกสถานที่ด้วยหรือไม่ ส่วนล่ามที่นายรูดี้อ้างว่า หลอกให้เซ็นยินยอมในเอกสารไม่ติดใจเอาความนั้น จะมีการดำเนินคดีด้วย รวมทั้งจะมีการแจ้งความเอาผิดทางวินัย กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำคดี ทั้งเรื่องการไม่อธิบายให้นายรูดี้ฟัง ก่อนจะเซ็นยินยอม และการไม่ดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุในครั้งนั้น
รวมทั้งจะประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สภ.เมืองพัทยา ในเรื่องการดูแลความปลอดภัย เพราะขณะนี้ทางนายรูดี้และลูกๆ ได้ย้ายออกจากสกลนคร มาพักอาศัยที่บ้านในพัทยา โดยครอบครัวของนายรูดี้กังวลว่า จะมีการตามมาก่อกวนหรือทำร้ายอีก เพราะทางคู่กรณีรู้ที่อยู่ที่บ้านในพัทยานี้ด้วย
ทางลูกสาวของผู้เสียหาย ซึ่งเดินทางมาร้องเรียนด้วย กล่าวว่า ที่ผ่านมา น้องชาย 2 คนเคยเห็นพฤติกรรมของแม่มาหลายครั้ง และถูกบังคับไม่ให้นำเรื่องมาพูดกับคนในครอบครัว เป็นระยะเวลากว่า 3 ปี ซึ่งตนเองก็โกรธผู้เป็นแม่มากและยังไม่อยากจะพูดคุยอะไรด้วย ในส่วนของพ่อนั้น ตนและพี่น้องได้เคยบอกไปแล้วว่า ไม่อยากอยู่ประเทศไทยแล้ว และอยากให้พ่อพากลับไปอยู่ที่อิสราเอล แต่นายรูดี้ ยังอยากให้แม่ลูกได้เจอกันอยู่ จนเมื่อเกิดเรื่องเหตุยิงขึ้น ก็ตัดสินใจจะย้ายกลับไปอยู่ที่อิสราเอล แต่ต้องรอให้คดีสิ้นสุดลงก่อน
คดีจะจบลงอย่างไร อีจันจะติดตามความคืบหน้ามารายงานต่อไปนะครับ
คลิปอีจันแนะนำ
ลุ้นสุดใจ หย่อนข้าวกล่องจาก ฮ. ช่วยน้ำท่วมศรีสะเกษ