บรรพชาอุปสมบท 77 รูป ที่เมืองพุทธคยา อินเดีย ถวายเป็นพระราชกุศล

อนุโมทนาสาธุ คณะพระธรรมทูตไทยสายประเทศอินเดีย-เนปาล จัดโครงการบรรพชาอุสมบท “มหาวชิราโพธิ” รุ่นที่ 1 เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา และถวายเป็นพระราชกุศล ในโอกาสครบรอบ 145 ปี มงคลกาลต้นพระศรีมหาโพธิ์

สาธุ!

นาค 77 รูป เดินทางถึง ดินแดนพุทธภูมิ เมืองพุทธคยา ประเทศอินเดียแล้วค่ะ ซึ่งเมื่อช่วงเย็นวานนี้ ได้บรรพชาสามเณร ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ เจดีย์พุทธคยา ต้นโพธิ์ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้

เมื่อวันที่ 24 มกราคม พ.ศ.2567 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ พลอากาศตรี สุพิชัย สุนทรบุระ รองเลขาธิการพระราชวัง เป็นผู้อันเชิญพระไตรและเครื่องไทยธรรม โครงการบรรพชา อุปสมบท ถวายเป็นพุทธบูชา ในโอกาสครบรอบ 145 ปี มงคลกาลต้นพระศรีมหาโพธิ์ น้อมถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา พ.ศ.2547 และน้อมพระราชกุศลอุทิศถวายแด่ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ในกาสครบรอบวันพระราชสมภพ วันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2567 เป็นปีที่ 145 ณ ต้นพระศรีมหาโพธิ์ เมืองพุทธคยา รัฐพิหาร สาธารณรัฐอินเดีย

โครงการบรรพชา อุปสมบท “มหาวชิราโพธิ” รุ่นที่ 1 เริ่มตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม พ.ศ.2567 โดยการประกอบพิธีปลงผมนาค ณ มณฑลพิธี บริเวณรอบพระมหาเจดีย์พุทธคยา ณ วัดสุวรรณภูมิพุทธชยันตี จ.สมุทรปราการ ประเทศไทย จากนั้นวันที่ 24 มกราคม พ.ศ.2567 เพื่อบรรพชา จำนวน 77 รูป และบวชชีพรหมโพธิ จำนวน 13 คน ที่ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ สถานที่ตรัสรู้ เมืองพุทธคยา ประเทศอินเดีย โดยสมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ประธานสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ มอบหมายให้ พระพรหมเสนาบดี กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดปทุมคงคา เจ้าคณะภาค 7 เป็นประธานฝ่ายบรรพชิต พร้อมด้วยพระธรรมโพธิวงศ์ เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา หัวหน้าพระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย-เนปาล พระวิเทศวชิรญาณ วิ. รักษาการเจ้าอาวาสวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ พระเถรานุเถระ และข้าราชการ พุทธศาสนิกชน เข้าร่วมพิธี

พระธรรมโพธิวงศ์ เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา หัวหน้าพระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย-เนปาล ถวายอดิเรก ถวายพระพรชัยมงคล และกล่าวอนุโมทนากถาแก่สามเณร และชีพรหมโพธิ ใจความว่า “พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ตรัสรู้ชอบโดยพระองค์เอง ทรงประกาศพระพุทธศาสนาให้ผู้ปฏิบัติตามมีศรัทธาต่อพระรัตนตรัย ขอบวชในศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นศาสนทายาทของพระองค์มาแต่บรรพกาล พระพุทธศาสนาเจริญงอกงามนำสังคมไทยสู่ความเป็นปึกแผ่นสงบร่มเย็นเพราะพุทธศาสนา ที่พุทธบริษัทไทยทั่วโลกพร้อมใจกันยอมรับว่า เป็นศาสนาประจำชาติ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพุทธมามกะ การบวชได้หยั่งรากลงสู่ฐานของชีวิตอันงดงาม ดั่งกุศลเจตนาอย่างสูงขอรับบรรพชาอุปสมบทภายในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ สถานที่ตรัสรู้ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ปัจจุบันยังคงดำรงอยู่เป็นพุทธานุสรณ์ ณ สังเวชนียสถาน เป็นต้นลำดับที่ 4 ซึ่งถือกำเนิดเมื่อปี พ.ศ.2423นับเป็นการเดินตามรอยบาทพระบรมศาสดา โดยการบวชเรียน ศึกษาพระธรรมคำสอน และปฏิบัติตนให้ถึงพร้อมซึ่งไตรสิกขา แสดงความกตัญญูต่อคุณบิดา มารดา สถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ จัดเป็นความดีที่ยิ่งใหญ่ เป็นบุญอันประเสริฐ”

พิธีอุปสมบท จัดขึ้นวันที่ 25 มกราคม พ.ศ.2567  ณ พระอุโบสถ วัดไทยพุทธคยา จากนั้นพระนวกะทั้ง 77 รูป พร้อมด้วยชีพรหมโพธิ จำนวน 13 ท่าน จักเดินทางไปยังสังเวชนียสถานทั้งสี่ตำบลเป็นลำดับต่อไป

โครงการบรรพชาอุสมบท “มหาวชิราโพธิ” รุ่นที่ 1 ถือเป็นโครงการบวชและปฏิบัติธรรม ควบคู่กับการศึกษาพุทธประวัติตามพุทธสถาน เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจ และน้อมระลึกถึงสังเวชนียสถาน 4 ตำบล อันเป็นสถานที่พระพุทธองค์ทรงตรัสกับพระอานนท์ว่า เป็นสถานที่ที่กุลบุตรผู้ปรารถนาจะใกล้ชิดกับพระองค์ ควรมาสักการะ ร้อมระลึกถึงพระวิสุทธิคุณ พระกรุณาธิคุณ และพระปัญญาธิคุณ ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

พระวิเทศวชิรญาณ วิ. รักษาการเจ้าอาวาสวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ ผู้อำนวยการโครงการ กล่าวเพิ่มเติมว่า “โครงการอุปสมบทนี้ เป็นการบรรพชาอุปสมบทเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ในโอกาสครบ 145 มงคลกาลต้นพระศรีมหาโพธิ์ น้อมเกล้าอุทิศถวายเป็นพระราชกุศลวันพระราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นปีที่ 145 ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ พร้อมทั้งส่งบุญเพื่อเป็นสิริมงคลแก่เจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี เนื่องในโอกาสอายุวัฒนมงคลวันเกิด 26 มกราคม พ.ศ. 2567 พระนวกะและชีพรหมโพธิ ยังได้ใช้เวลาสำคัญนี้ในการขัดเกลาตนเอง ด้วยการฝึกศีล สมาธิ เพื่อเข้าถึงปัญญา เรียนรู้คำสอนของพระพุทธศาสนา ได้ศึกษาและปฏิบัติ ถือเป็นเวลาที่ดีที่สุดที่จะฝึกตนเองให้เป็นคนดีสร้างคุณประโยชน์ของประเทศชาติและพระศาสนาต่อไป”

ขออนุโมทนาสาธุบุญ โดยทั่วกันเทอญ สาธุ