เกิดอะไรขึ้นกับป่าเมืองกาญฯ



เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 61 เกิดคดีสะท้านใจคนไทยทั้งประเทศ เมื่อมีข่าวการถูกจับกุมของ นายเปรมชัย กรรณสูต CEO บริษัท อิตาเลียนไทย และพวก 3 คน เข้าพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ฝั่งตะวันตก จ.กาญจนบุรี นายเปรมชัยได้เข้าไปตั้งแคมป์ที่จุดห้วยปะชิ อยู่ระหว่างหน่วยฯ ทิคอง กับหน่วยฯ มหาราช ซึ่งเป็นจุดที่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก

ภาพจากอีจัน

เจ้าหน้าที่ได้จับกุมนายเปรมชัย และพวกอีก 3 คน ในวันที่ 4 ก.พ.61 ตรวจยึดซากสัตว์ป่าคุ้มครอง พร้อมด้วยอาวุธปืนและเครื่องกระสุน ก่อนขยายผลตรวจสอบพื้นที่ พบซากเสือดำและเครื่องกระสุน จึงส่งตัวไปดำเนินคดีที่ สภ.ทองผาภูมิ พร้อมแจ้งข้อหาความผิด 9 ข้อหา


1.ความผิดฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า

2.ฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง


3.ฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครอง


4.ฐานร่วมกันพยายามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า


5.ฐานร่วมกันช่วยซ่อนเร้นหรือรับไว้ซึ่งซากสัตว์ป่า


6.ฐานร่วมกันนำเครื่องมือสำหรับการล่าสัตว์เข้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า


7.ฐานร่วมกันเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต


8.ฐานร่วมกันเก็บของป่าในเขตป่าสงวน


9.ฐานความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน

ภาพจากอีจัน


6 ก.พ. 2561และได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างการสอบสวน โดยศาลให้ประกันตัวคนละ 150,000 บาท

13 มี.ค. 2561 ตำรวจ สรุปสำนวนส่งให้อัยการภาค 7 มีความเห็นสั่งฟ้องนายเปรมชัย กรรณสูตร และพวกรวม 4 คน ใน 9 ข้อหา อัยการภาค 7 พิจารณาสำนวนคดีนายเปรมชัยและพวก มีการขอให้เพิ่มเติมรายละเอียดสำนวนให้พนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิทำการสอบสวนเพิ่มเติมใน 3 ประเด็น อาทิ พฤติการณ์ รายงานการตรวจบางฉบับที่พนักงานสอบสวนยังไม่ได้ส่งเข้ามา พร้อมเรียกนายเปรมชัยและพวก รวมถึงนายวิเชียรผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษมาสอบปากคำเพิ่มเติม

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน



6 ส.ค.2561 นายเปรมชัย กรรณสูต CEO บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวลอปเมนต์ จำกัด (มหาชน) พร้อมนายวิฑูรย์ พรายแย้ม ทนายความ เดินทางมาที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เพื่อนัดพร้อมคดีที่อัยการภาค 7 เป็นโจทก์ ฟ้องนายเปรมชัย ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน ตามพ.ร.บ.อาวุธปืน พ.ศ.2490

โดยอาวุธปืนของกลางในคดีนี้ มีทั้งหมด 5 กระบอก จาก 43 กระบอก ที่ตำรวจตรวจยึดได้ในบ้านพัก ซอยศูนย์วิจัย 3 เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2561 ซึ่งพบว่า เป็นปืนที่ไม่มีใบอนุญาตครอบครอง และปืนที่ดัดแปลงความยาวปากกระบอก ทำให้นายทะเบียนไม่สามารถออกให้ได้ ซึ่งนายเปรมชัย ได้ให้การปฏิเสธในชั้นศาล



เรื่องราวของเสือดำทั้งหมดนี้ ก็ไม่มีทีท่าว่าคดีจะจบแบบไหน ต้องติดตามบทสรุปกันต่อกับ มหากาพย์ ใครยิงเสือดำใน ทุ่งใหญ่นเรศวร



วันที่ 4 ต.ค.2561 กลุ่มพิทักษ์สัตว์พร้อมด้วยกลุ่ม T’Challa พิทักษ์เสือดำ จำนวนกว่า 30 คนรวมตัวกันด้านหน้าหอศิลปวัฒนธรรม กรุงเทพฯ ตรงกับวันสัตว์โลก (World Animal Day) ทางกลุ่มและผู้มีใจรักสัตว์และรักความเป็นธรรมจึงรวมตัวกัน เพื่อจุดเทียนรำลึก เสือดำ ทุ่งใหญ่นเรศวร และเพื่อเป็นการแสดงเจตนารมณ์ว่า “เสือดำ จะต้องไม่ตายฟรี”

แม้คดีความจะเข้าสู่กระบวนการในศาลแล้วก็ตาม แต่ก็ยังวางใจอะไรไม่ได้ เพราะคนฆ่าเสือดำ ยังมีอำนาจเหนือรัฐและยังลอยนวลไม่สำนึกผิด ทางกลุ่มจะจับตาคดีดังกล่าวจนกว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด โดยกิจกรรมดังกล่าว มีดาราอย่าง น.ส.เบญจศิริ วัฒนา หรือโบว์ เข้าร่วมกิจกรรมด้วย

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน


เรื่องราวเสือดำผ่านไป 8 เดือน…

กลิ่นคาวจากทุ่งใหญ่นเรศวรยังไม่ทันจางหาย ก็เกิดเหตุสลดกับสัตว์ป่าในอุทยานแห่งชาติไทรโยค คราวนี้เป็นคิวของ หมีขอ!!!


เรื่องสลด เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 6 ตุลาคม 2561(เมื่อวาน) เวลาประมาณ 20.00 น. หัวหน้าอุทยานแห่งชาติไทรโยคได้รับรายงานจากหัวหน้าหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติฯ ที่ ทย.6 (เขาพลู) ว่ามีรถยนต์ออฟโรด จำนวน 6 คัน แอบอ้างว่าได้รับอนุญาตจากหัวหน้าหน่วยฯ ให้เข้าไปพักค้างแรมในพื้นที่ป่าบริเวณสำนักสงฆ์เต่าดำ ในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค โดยนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปด้วยและเจ้าหน้าที่สังเกตเห็นมีอาวุธปืนเข้าไปด้วย

ขอบคุณภาพ เพจพญาเสือ



จนกระทั่งเวลาประมาณ 11.30 น. วันที่ 7 ตุลาคม 2561 เจ้าหน้าที่ได้พบกับรถยนต์ออฟโรด ทั้ง 6 คัน กำลังสวนทางออกมาจากพื้นที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวและขอตรวจค้น พบว่า มีผู้โดยสารเข้าไปพร้อมกับรถยนต์ทั้ง 6 คัน รวมจำนวน 14 คน โดยเป็นเด็ก 3 คน

ตรวจค้นรถยนต์เบื้องต้น พบว่าคันที่ 5 มีอาวุธปืนไรเฟิล ติดกล้องและอุปกรณ์เก็บเสียง พร้อมเครื่องกระสุนปืนจำนวนหนึ่ง อาวุธปืนพก จำนวน 2 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน ที่สลดไปกว่านั้นพบอุ้งเท้าหมีขอ จำนวน 4 เท้า ในรถยนต์คันที่ 5 หมายเลขทะเบียน 2 ฒง 3555 กรุงเทพมหานคร มีนายอนุสรณ์ เรือนงาม แสดงตัวว่าเป็น อส.เมืองกาญจนบุรี และเป็นผู้ขับขี่

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน


นายอนุสรณ์ อ้างว่า เข้าไปในอุทยานแห่งชาติไทรโยคโดยโทรขออนุญาตเจ้าหน้าที่อุทยานชื่อบัติ ขอว่าจะเข้าไปเก็บเห็บในอุทยาน แต่ไม่ได้บอกว่าจะเข้าไปสำนักสงฆ์  อ้างว่าจะโทรขออีกครั้ง แต่โทรหาแล้วโทรไม่ติด

ส่วนเรื่องขาหมีขอที่พบในรถ นายอนุสรณ์เล่าว่า ระหว่างที่เดินทางในอุทยานแห่งชาติไทรโยค มีคนขี่รถมอเตอร์ไซค์ ผ่านมาแล้วเสนอขายอุ้งตีนหมีขอ 4 เท้าในราคา 100 บาท ตนเองรู้ว่าผิดกฎหมาย แต่ไม่คิดว่าจะร้ายแรง จึงซื้อกลับมาเพราะจะเอาไปปรุงยา ส่วนเรื่องอาวุธปืน อ้างว่าตนเองเป็นอาสาสมัครป้องกันอยู่แล้ว ก็จะมีอาวุธประจำกาย ส่วนปืนยาวที่พบ เป็นของพี่ชายที่นับถือกันโดยยืมมา และยังยืนยันอีกว่าไม่ได้เข้าไปล่าสัตว์ป่า

ภาพจากอีจัน


ขณะตรวจค้นมีชาย 1 คน มาแสดงตัวว่าเป็นปลัดอำเภอด่านมะขามเตี้ย จังหวัดกาญจนบุรี ร่วมขบวนมาด้วย โดยอยู่ในคันที่ 1 เจ้าหน้าที่จึงเชิญคนทั้งหมดพร้อมรถยนต์ไปทำบันทึกตรวจยึดจับกุม ณ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติไทรโยค



เวลา 17.30 น. เจ้าหน้าที่นำตัวผู้กระทำผิดเดินทางมาถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติไทรโยค จึงทำการขอตรวจสอบบัตรของผู้ที่แอบอ้างว่าเป็นปลัดอำเภอฯ

แต่มีท่าทีขัดขืน ไม่ยินยอมให้ค้นตัวและไม่ให้พนักงานเจ้าหน้าที่แตะต้องตัวพร้อมขู่จะฟ้องกลับ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติไทรโยคจึงประสานเจ้าหน้าที่ทหาร ร้อย รส.ในพื้นที่ พร้อมพนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค เข้าใช้อำนาจในการค้นตัวและยึดอาวุธปืน จนมาทราบชื่อภายหลัง ชื่อ นายวัชรชัย สมีรักษ์ ปลัดป้องกัน อำเภอด่านมะขามเตี้ย

ภาพจากอีจัน


นายวัชรชัย อ้างว่า ได้เข้าไปพักค้างคืนในอุทยานแห่งชาติไทรโยคจริงแต่เดินทางไปทำบุญที่สำนักสงฆ์เต่าดำ นำเครื่องอุปโภคบริโภคเข้าไปถวายหลวงพ่อ และยืนยันว่าไม่ได้เข้าไปล่าสัตว์ เพราะว่าในคณะมีทั้งเด็กและคนแก่ร่วมขบวนไปด้วย ตนเองนั้นนั่งมากับรถคันที่ 1 แต่พบปืนกับซากหมีขอ รถคันที่ 5 ตนเองไม่รู้ว่ามาได้ยังไง เพราะตนเองเตือนคณะเดินทางแล้ว ว่าอย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเด็ดขาด ทั้งนี้ยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการล่าหมีขอ


หลังจากนั้นได้นำตัวทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีมีรายชื่อดังนี้

1.นายวัชรชัย สมีรักษ์ ปลัดป้องกันอำเภอด่านมะขามเตี้ย

2.นางสาวศรีวิจิตร ดิษฐ์แช่ม จ.กาญจนบุรี

3.นายทัศดนัย ขอกระโชก จ.กาญจนบุรี

4.นายฉัตรชัย เกาะลอย จ.กาญจนบุรี

5.นายจิรชัย ตันติวัฒนสิทธิ์ จ.กาญจนบุรี

6.ว่าที่ร.ต. สุนทร มาเจริญรุ่งเรือง จ.กาญจนบุรี

7.นายสกานต์ แก่งหลวง จ.กาญจนบุรี

8.นายอนุสรณ์ เรือนงาม จ.กาญจนบุรี

9.นายประสาน เต็มธนัน จ.ราชบุรี

10.นางอรุณ แสงใส จ.กาญจนบุรี

11.นายถาวร เซี่ยงหลิว จ.กาญจนบุรี

ภาพจากอีจัน


จากนั้นตำรวจแจ้งข้อหาทีมปลัดหมีขอ ทั้งหมด 9 ข้อหา



1. ฐานร่วมกันเก็บหานำออกไป ทำด้วยประการใดๆ ให้เป็นอันตรายหรือทำให้เสื่อมสภาพ ซึ่งไม้ ยางไม้ น้ำมันยาง น้ำมันสน แร่ หรือทรัพยากรธรรมชาติใดๆ

2. ฐานร่วมกันนำสัตว์ออกไป หรือทำด้วยประการใดๆให้เป็นอันตรายแก่สัตว์

3. ฐานร่วมกันนำยานพาหนะเข้าออก หรือขับขี่ยานพาหนะ ในทางที่มิได้จัดไว้เพื่อการนั้นเว้นแต่จะได้รับอนุญาต จากพนักงานเจ้าหน้าที่

4. ฐานร่วมกันนำเครื่องมือสำหรับล่าสัตว์หรือจับสัตว์ หรืออาวุธใดๆ เข้าไป เว้นแต่จะได้รับอนุญาต จากพนักงาน เจ้าหน้าที่และปฏบัติตามเงื่อนไขซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้อนุญาตนั้นกำหนดไว้

5. ฐานร่วมกันล่า หรือพยายามล่าสัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ป่า คุ้มครองเว้นแต่เป็นการกระทำโดยทางราชการที่ได้รับยกเว้น

6. ฐานร่วมกันมีไว้ครอบครองซึ่งสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครองซากของสัตว์ป่าสงวน หรือซากของสัตว์ป่าคุ้มครอง เว้นแต่จะเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองชนิดที่กำหนด

7. ฐานร่วมกันซ่อนเร้นช่วยพาเอาไปเสีย หรือรับไว้โดยกระการใด ซึ่งสัตว์ป่าหรือซากของสัตว์ป่า อันได้มาโดยการกระทำความผิด

8. ฐานร่วมกันเก็บหาของป่า หรือกระทำด้วย ประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพ ป่าสงวนแห่งชาติ

9. ฐานครอบครองอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนที่ใช้ในราชการสงคราม และขอให้พนักงาน สอบสวน ดำเนินคดีตามบทกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน


ทุกคนต่างกล่าวอ้างว่า ไม่ได้เข้าไปในอุทยานแห่งชาติไทรโยค เพื่อฆ่าหมีขอแต่เข้าไปทำบุญกับสำนักสงฆ์ ท้ายที่สุดแล้วต้องเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการพิสูจน์ข้อเท็จจริง ว่าค่ำคืนนั้นเกิดอะไรขึ้นกับหมีขอ

#หมีขอเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ล่าหมีขอมีความผิดเท่ากับล่าเสือดำ


แต่… ก่อนจะเกิดเหตุล่าหมีขอ ป่าเมืองกาญจนบุรี ก็มีเรื่องพบกลุ่มคนล่องแพ พกปืนเข้าไปในเขต อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์


เมื่อวันที่ 29 ก.ย.61 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ อช. อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ จับ 3 ผู้ต้องหาพก อาวุธพร้อมเครื่องกระสุน ขณะเจ้าหน้าที่ได้จอดเรือสุ่มตรวจการณ์ พื้นที่ทางน้ำและบนบกบริเวณป่าห้วยลำคลองงู ท้องที่หมู่ 3 ตำบลนาสวน อำเภอศรี โดยระหว่างนั้น เจ้าหน้าที่ได้ยินเสียงปืนดังมาจากทางท้ายลำห้วยลำคลองงู ประมาณ 2-3 นัด

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน


แต่ขณะนั้นเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบเหตุดังกล่าวได้ เนื่องจากเป็นเวลากลางคืน แต่เจ้าหน้าที่ก็ได้ทำการสังเกตการณ์เอาไว้ พบมีแพล่องออกมาจากพื้นที่ดังกล่าว ผ่านจุดที่คณะเจ้าหน้าที่ดักซุ่มสังเกตการณ์



จนกระทั่งเวลาประมาณ 09.30 น.วันนี้ ( 30 ก.ย. 61) เจ้าหน้าที่จึงได้ออกตรวจติดตามแพที่ได้ยินเสียงปืนไปตามคุ้งน้ำจากลำห้วยลำคลองงู ไปตลอดจนถึงบริเวณพื้นที่ลำห้วยน้ำขุ่น หมู่ที่ 3 ต.นาสวน พบแพล่องหลังดังกล่าวกำลังล่องสวนทางออกมา ด้านหน้าแพติดป้ายชื่อแพชมไพร เจ้าหน้าที่จึงได้ส่งสัญญาณให้หยุดเดินแพ พร้อมแสดงตนเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ เพื่อขอเข้าทำการตรวจสอบและตรวจค้น

ภาพจากอีจัน



จากการตรวจสอบพบกลุ่มคนอยู่บนแพจำนวนหนึ่งและมีชายคนหนึ่งแสดงตนเป็นเจ้าของแพ คือนายนิวัฒน์ แสนงาม ชาวตำบลนาสวน และได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่า กำลังให้บริการล่องแพให้กับลูกค้าที่ว่าจ้างเช่าเหมาลำในราคาคืนละ 4,500 บาท โดยให้บริการเช่ามาเป็นเวลา 1 คืนแล้ว โดยเริ่มจากท่าแพบ้านเจริญสุขเข้าไปลำห้วยคลองงู จนกระทั่งเวลาใกล้มืดค่ำจึงต้องกลับออกมา



จากการตรวจค้นแพดังกล่าว พบมีอาวุธปืนลูกซองยาวเป็นสีลายพรางวางอยู่บนแพโดยมิได้ปิดบังอำพราง จำนวน 1 กระบอก จากนั้นจึงการตรวจสอบเพิ่ม ปรากฏว่าพบอาวุธปืนชนิด เดี่ยวลูกซองขนาด 12 ( 5 นัด)จำนวน 1 กระบอก พร้อมลูกกระสุนปืนขนาดเบอร์เดียวกันจำนวน 17 นัด สภาพใหม่พร้อมใช้งาน มีนายจิโรจน์ เป้าวิสิทธิ์ เป็นเจ้าของปืน

อาวุธปืนยาวเดี่ยวลูกซองขนาด 12 จำนวน 1 กระบอก สภาพใหม่พร้อมใช้งาน มีนายสุริยน ทองสัมฤทธิ์ เป็นเจ้าของปืน ,

อาวุธปืนยาวเดี่ยวลูกกรดขนาด .22 ยี่ห้อ CZ จำนวน 1 กระบอก พร้อมซองบรรจุกระสุนปืนจำนวน 10 นัด สภาพใหม่พร้อมใช้งาน มีนายสุริยน ทองสัมฤทธิ์ เป็นเจ้าของปืน ,

อาวุธปืนยาวเดี่ยวลูกกรดขนาด .22 ยี่ห้อ CZ จำนวน 1 กระบอก พร้อมซองบรรจุกระสุนปืนจำนวน 10 นัด สภาพใหม่พร้อมใช้งาน มีนายนิติพันธ์ ตรงการดี เป็นเจ้าของปืน

อีกทั้งยังตรวจพบกระเป๋าคาดเอว ภายในบรรจุซองกระสุนปืนขนาดจุด 22 จำนวน 1 ซอง ลูกกระสุนปืนลูกซองขนาดเบอร์ 12 จำนวน 8 นัด ลูกกระสุนปืนขนาด .22 แม็กนั่มบรรจุกล่องจำนวน 50 นัด ลูกกระสุนปืนขนาดจุด 22 บรรจุกล่องจำนวน 50 นัด

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน


เนื่องจากเขตพื้นที่ป่าดังกล่าวเป็นป่าตามพระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ. 2484 พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 พนักงานเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการนำเครื่องมือหรืออาวุธปืนสำหรับล่าสัตว์ป่าในเขตพื้นที่ป่าอนุรักษ์ อันเป็นการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ศรีสวัสดิ์ ดำเนินคดี

กรณีนี้แจ้งได้เพียงนำเครื่องมือหรืออาวุธปืนสำหรับล่าสัตว์ป่าในเขตพื้นที่ป่าอนุรักษ์เท่านั้น เนื่องจากไม่พบซากสัตว์ป่า แต่สมควรแล้วหรือที่จะนำอาวุธครบมือเข้าเขตป่าอนุรักษ์ แล้วอ้างเรื่องต่างๆ ทำเสียงปืนดังกึกก้องทั่วผืนป่าพร้อมซากสัตว์ป่า.