เด้ง รักษาการผกก. เซ่น ตร.เมาซิ่งชนรถรีเฟอร์

หลังเกิดเหตุการณ์รถกระบะ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เสียหลักข้ามเลนพุ่งชนประสานงากับรถโรงพยาบาลของ รพ.ประโคนชัย บริเวณถนนบุรีรัมย์ – ประโคนชัย จนทำให้รถพยาบาลพลิกคว่ำตกข้างทาง ส่งผลให้ น.ส.สุดารัตน์ เชื่อมาก หรือน้องดา พยาบาลสาวที่นั่งมาบนรถเสียชีวิต

ภายหลังทราบชื่อคนขับรถกระบะ คือ ร.ต.อ.เดชา เปรียบสม รองสารวัตรป้องกันปราบปราม สภ.ประโคนชัย และมีข่าวออกมาว่า ร.ต.อ. เดชา เมาแลว้ขับ พูดจาไม่รู้เรื่อง

แบบนี้ ร.ต.อ.เดชา จะออกมาว่ายังไงหนอ ?

วานนี้ (17 ต.ค.61) พ.ต.อ.วีรพล เจริญศิริ รักษาการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธรจ.บุรีรัมย์ พร้อม พ.ต.อ.สุรชัย สังขพัฒน์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจ.บุรีรัมย์ ได้เดินทางไปงานศพพยาบาลดา พร้อมทั้งได้มอบเงินช่วยเหลือในการจัดงานศพด้วย พร้อมทั้งแจ้งความคืบหน้าของคดีว่า ล่าสุดทางภูธรจังหวัด ได้ออกคำสั่งมอบหมายให้พนักงานสอบสวนจากส่วนกลาง ลงไปทำคดีด้วยความรอบคอบรัดกุม และยืนยันให้ความเป็นธรรมแก่คู่กรณีทั้งสองฝ่าย

และเผยอีกว่า เชื่อว่า ร.ต.อ.เดชา มีความผิดจริง พร้อมตั้ง 3 ข้อหา คือ – ขับรถไม่สวมแผ่นป้านทะเบียน – ขับรถประมาทให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต – ขับรถขณะมึนเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่นโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียว เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย แต่ ร.ต.อ.เดชา ยอมรับเพียงแค่ 2 ข้อหาเท่านั้น ปฏิเสธข้อหาเมาแล้วขับ ล่าสุดวันนี้ (18 ต.ค.61) นายแพทย์ประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้เดินทางมาให้กำลังใจครอบครัวของพยาบาลดา และเข้าเยี่ยมอาการผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยเฉพาะ น.ส.จรวยพร ปาประโคน อายุ 40 ปี พยาบาลวิชาชีพโรงพยาบาลประโคนชัย หนึ่งในผู้บาดเจ็บที่นั่งในรถพยาบาลที่ถูกชนและมีอาการสาหัส ต้องได้รับการผ่าตัดเอาเลือดออกจากสมอง และผ่าตัดม้ามเนื่องจากม้ามฉีก ขณะนี้ยังรักษาตัวอยู่ในห้องหอผู้ป่วยหนัก ส่วนผู้ป่วยรายอื่นๆ อาการปลอดภัยแล้ว ส่วนศพพยาบาลดา จะมีการประกอบพิธีฌาปนกิจศพเวลา 16.00 น. วันนี้ โดยจะมีเพื่อนพยาบาลมาร่วมร้องเพลงแสดงความอาลัยที่หน้าเมรุด้วย

ทางด้าน พ.ต.อ.วีรพล เจริญศิริ รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.บุรีรัมย์ มีคำสั่งย้าย พ.ต.ท.สุทิน หวังกลับ รักษาการ ผกก.สภ.ประโคนชัย ให้พ้นจากตำแหน่งและสังกัดเดิม ภายหลังจาก ร.ต.อ.เดชา เปรียบสม รองสารวัตรปราบปราม สภ. ประโคนชัย ซิ่งรถกระบะ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ชนรถพยาบาล จนสังคมตั้งข้อสงสัยถึงความบกพร่องในหน้าที่ และอาจจะเข้าข่ายการช่วยเหลือกัน