อาจมีคดีพลิก พยานปากเอกที่อ้างว่าป่วยจิต ก่อเหตุปล้นทรัพย์

เมื่อพยานปากเอกก่อเหตุปล้นทรัพย์จนถูกจับได้ นำมาถึงคำถามที่ว่า นี่เหรอคนป่วยทางจิต?

จากกรณีนายธนิต ทัฬหสุนทร หรือเต้ ถูกแทงจนเสียชีวิต ในวันที่ 15 เม.ย. 59 ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งคดีนี้ในวันที่ศาลพิพากษา วันที่ 23 ก.ค. 61 พ่อของนายพีรวิชญ์ หรือตง พยานปากสำคัญ เพราะเป็นคนเห็นเหตุการณ์ว่าใครเป็นคนแทงนายเต้ ได้ใช้ใบรับรองแพทย์แสดงต่อศาลว่า นายตงนั้นมีอาการป่วยทางจิต จึงไม่สามารถมาเบิกความเป็นพยานได้ จึงทำให้ศาลยกฟ้องจำเลยในคดีเพราะพยานหลักฐานไม่เพียงพอ จึงเป็นเหตุให้นายศุภชัย ทัฬหสุนทร หรือพ่อนายเต้ โดดตึกศาลอาญาจากชั้น 8 จนเสียชีวิต เพราะผิดหวังในคำตัดสินของศาล

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน


วันนี้ 25 ต.ค. 61 ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช พร้อมด้วยนางเรวดี ทัฬหสุนทร( แม่นายเต้ ) ขอคัดถ่ายสำนวนการสอบสวนแพทย์โรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่ออกใบรับรองแพทย์ให้นายตง และนายเกรียงไกร เดชขุนพล หรือฟลุ๊ค ต่อ พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น รรท.ผบช.น. เพื่อใช้ประกอบในการเขียนอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาสืบพยานเพิ่มเติม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา208

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน


สืบเนื่องจากวันที่ 13 ต.ค. 61 ที่ผ่านมา นายตง (พยานปากสำคัญของเต้) ได้ไปก่อเหตุร่วมกันทำร้ายร่างกายวิศวกรหนุ่ม และร่วมกันปล้นทรัพย์กับพวกอีก 3 คน ในท้องที่สถานีตำรวจนครบาลประเวศ จนเป็นเหตุให้ถูกจับกุมตัวได้ในวันที่ 18 ต.ค. 61 ซึ่งนายตงมีการให้ปากคำและนำชี้สถานที่เกิดเหตุ และทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยทางตำรวจเห็นถึงสติสัมปชัญญะครบถ้วนทุกประการของนายตง หาได้มีอาการป่วยทางจิตตามที่พ่อเขาได้กล่าวอ้างในชั้นศาลไม่

ภาพจากอีจัน


นอกจากนี้ นายตงยังเคยก่อเหตุดังกล่าวมาแล้วรวม 8 ครั้ง ซึ่งเป็นไปได้ยากว่า คนที่มีอาการป่วยทางจิตจะสามารถกระทำเหตุดังกล่าวได้ ทนายอนันต์ชัยกล่าวว่า จากการให้ปากคำของแพทย์ ระบุว่านายพีรวิชญ์ หรือตง ไม่ได้มีอาการป่วยทางจิตจนไม่สามารถเบิกความได้ นอกจากนี้ ยังมีพยานเพิ่มเติมคือนายเกรียงไกร หรือฟลุ๊ค ด้วยเหตุผลที่ว่า นายตง ได้นำเรื่องของเต้ที่ถูกแทงในวันเกิดเหตุ มาเล่าให้นายฟลุ๊คฟัง ว่าสิ่งที่เกิดนั้น เป็นความจริง จึงทำให้ทนายอนันต์ ได้ขอคัดลอกสำนวนนี้ มาเขียนเพื่อยื่นอุทธรณ์ต่อศาลให้พิจารณาอีกครั้ง

ภาพจากอีจัน


ด้านนางเรวดี ทัฬหสุนทร แม่เต้ บอกว่า เริ่มมีความหวังมากขึ้น จากหลักฐานที่เพิ่มเติมและการขอเบิกความพยาน ซึ่งทำให้ตนมั่นใจในระดับหนึ่งว่า อาจจะสามารถพลิกคดีให้กลับมาชนะได้ นอกจากนี้ยังได้กำลังใจจากคนรอบข้างและทุกคน จึงทำให้นางเรวดี ฮึดสู้อีกครั้ง ทั้งยังบอกว่าอโหสิกรรมให้กับคนที่กระทำผิดต่อลูกชายเขาทุกคน เพราะอยากให้เวรกรรมหมดลงในชาตินี้