แฉเล่ห์ สั่งทำข้าว 2 หมื่นกล่อง บีบเหยื่อผิดสัญญาเจอค่าปรับ เหยื่อเครียดจน…ตาย!!!

ลูกสาวผู้เสียหายโผล่แฉแทนพ่อ หลังมีเคสใหม่ถูกหลอกสั่งข้าวกล่องแล้วเบี้ยว อ้างต้องถูกจ่ายค่าปรับ ขอเล่าในฐานะเคยเจอมาก่อน ไม่อยากให้คนแบบนี้มีที่ยืนในสังคม

ข้าวหมื่นกล่อง พังชีวิตคนทั้งคน..

จากกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “Nutthaphun Munkhemtong” โพสต์เรื่องราวไปยังกลุ่มเฟซบุ๊กสาธารณะ “ของกินอุตรดิตถ์” เมื่อวันที่ 5 พ.ย. ที่ผ่านมา ว่า ช่วงนี้มีมิจฉาชีพหลอกสั่งข้าวกล่อง เมื่อถึงวันรับ กลับอ้างว่าข้าวที่สั่งไม่ได้มาตรฐานหรือเกินเวลาที่กำหนด ก่อนจะเรียกเอาค่าปรับเป็นเงินจำนวน 350,000 บาท

ภาพจากอีจัน


ล่าสุดผู้เสียหายรายเก่าโผล่ ที่เคยโดนมิจฉาชีพกลุ่มนี้เบี้ยวข้าวกล่องมาแล้ว เสียหายกว่า 3 ล้านบาท ซ้ำร้ายพ่อของเธอ ผู้ที่เป็นคนตกลงทำสัญญาข้าวกล่องเครียดหนักจนช็อกเสียชีวิต



อีจันมีโอกาสได้สอบถามกับลูกสาวผู้เสียหายว่าเรื่องราวทั้งหมด เกิดอะไรขึ้น?


ย้อนกลับไปดูเรื่องราวนี้จาก นภัสวรรณ ยิ้มเจริญ หรือแคท ลูกสาวของ นายอัครเดช ยิ้มเจริญ หรือพ่อบ็อบ ผู้เป็นพ่อที่เป็นคนทำสัญญาข้าวกล่องกับมิจฉาชีพ

ภาพจากอีจัน


แคทเล่าว่า ปกติที่บ้านเธอประกอบอาชีพให้เช่ารถตู้และมีร้านค้าขายส่งด้วย อยู่ในอ.เมืองอุตรดิตถ์ เมื่อปีที่แล้ว(2560) ช่วงประมาณเดือนกันยายน มีหญิงสาวคนหนึ่งมาเช่ารถตู้พร้อมคนขับรถที่บ้านของเธอ จากนั้นหญิงสาวคนนี้ก็ทำทีพูดคุยสอบถามกับคนขับรถตู้ว่า “พอจะรู้จักใครที่รับทำน้ำหรือส่งน้ำดื่มไหม มีงานจะสั่งหลายหมื่นขวด”

เมื่อได้ยินอย่างนั้นคนขับรถตู้จึงนำกลับมาเล่าให้เถ้าแก่หรือพ่อบ็อบฟัง พ่อบ็อบได้ฟังก็สนใจเพราะด้วยความที่ตัวเองก็เปิดร้านค้าขายส่งอยู่แล้ว จึงไปสอบถามกับร้านค้าอื่นๆที่ตนรู้จักว่ามีใครที่มีน้ำพอเท่าที่ต้องการไหม แต่สินค้ามีไม่เพียงพอพ่อบ็อบจึงล้มเลิกรับงานนี้ไป

ผ่านไปเป็นเดือน สาวคนนี้กลับมาเช่ารถตู้อีกครั้ง คราวนี้ทำทีสอบถามกับคนขับรถตู้อีกครั้งว่า “พอจะรู้จักใครที่รับทำข้าวกล่องไหม มีงานที่จะต้องสั่งข้าวกล่องหลายหมื่นกล่อง” ครั้งนี้ก็เช่นเคย คนขับรถตู้มาเล่าให้พ่อบ็อบฟัง พ่อบ็อบก็สนใจ จนในที่สุดก็ได้เจอกันกับหญิงสาวคนนี้ เธอมีชื่อเล่นว่า อิ๋ว
อิ๋ว บอกกับพ่อบ็อบว่า คนที่เธอรู้จักได้สัมปทานข้าวมาจากโรงงานแห่งหนึ่ง แล้วมาร่วมทำด้วยกัน จึงอยากได้คนที่รับทำข้าวกล่องและพร้อมส่งได้ทันกำหนด โดยให้ราคากล่องละ 35 บาท จำนวน 10,000 กล่องต่อหนึ่งมื้อ โดยมีเงื่อนไขต้องทำสัญญาสัมปทานข้าวกล่องด้วย 200,000 บาท

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน


ถ้ามองผลกำไรระยะยาวที่จะตามมา การลงทุนครั้งเดียวนี้ ถือว่าจะได้กำไรเกินทุนแน่นอน ถ้ารับแค่วันละ 2 มื้อ ก็ได้เงินแล้ว 700,000 บาทต่อวัน ..


พ่อบ็อบจึงรับทำข้าวกล่องส่งให้ แต่เนื่องจากที่บ้านไม่เคยทำเรื่องขายอาหาร เกรงว่าอุปกรณ์ทำครัวจะไม่พอ จึงปรึกษากับอิ๋วว่าหาซื้ออุปกรณที่ไหน ยังไงดี
อิ๋ว จึงเสนอกับพ่อบ็อบว่าเธอรู้จักร้านที่ขายส่งอุปกรณ์ทำครัวราคาถูกๆอยู่ เดี๋ยวจะหามาให้ แล้วให้พ่อบ็อบจ่ายเงินผ่านเธอ ไม่ว่าจะเป็นเตาเคบี ขาตั้งเตา กระทะใบใหญ่ หม้อหุงข้าวใบใหญ่ กล่องใส่อาหารแบบ 2 ช่องเข้าไมโครเวฟได้ เป็นต้น ซึ่งตรงนี้ แคท ลูกสาวพ่อบ็อบบอกว่า จ่ายเงินค่าอุปกรณ์ทำครัวต่างๆที่เขาเสนอมา 2 ล้านกว่าบาท พร้อมกับเงินสัมปทานที่ทำสัญญาไว้อีก 200,000 บาท



เมื่ออุปกรณ์มาส่งปรากฏว่าขาดกล่องใส่อาหาร และเกรดของก็ต่ำกว่ามาตรฐานทุกอย่าง แต่เนื่องจากใกล้ถึงวันที่ต้องส่งข้าวแล้ว พ่อบ็อบจึงสอบถามหากล่องข้าวจากอิ๋ว อิ๋วก็บอกว่า ไม่เป็นไร ให้ทำใส่ถุงแทนได้ 9 ก.ย. 2560 พ่อบ็อบและทีมงานช่วยกันทำอาหารตั้งแต่กลางดึกเพื่อให้ส่งทันมื้อเช้าของวันที่ 10 ก.ย.

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน

เมื่อห่อข้าวเสร็จแล้วก็ต้องนำไปส่งตามเวลาที่กำหนด พ่อบ็อบและทีมงานก็ขนข้าวขึ้นรถเอาไปส่งที่ ต.พญาแมน อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน


แต่เมื่อไปถึงอิ๋วกลับไม่เจออิ๋ว แต่มีชายคนหนึ่งเป็นคนมารอรับและอ้างว่าต้องตรวจสอบข้าวก่อน จากนั้นชายคนนี้ก็หยิบถุงข้าวขึ้นมาดู ก่อนจะบอกกับพ่อบ็อบว่า “ข้าวมันแฉะ ไม่ได้มาตรฐาน พี่เอากลับไปก่อนนะ ไปแก้ไขมาแล้วเอามาส่งใหม่เป็นมื้อเที่ยงแล้วกัน แต่ถ้าไม่ทันแล้วก็ต้องเสียค่าปรับด้วยตามสัญญา ถ้าไม่จ่ายก็จะถูกยกเลิกสัญญา”



พ่อบ็อบได้ยินแบบนั้นก็ร้อนรน กลัวถูกยกเลิกสัญญา แล้วที่ลงทุนไปจะสูญเปล่า คิดเห็นว่าครั้งนี้ไม่ทันแล้วก็ยอมเสียค่าปรับไป ทั้งมื้อเช้าและบ่ายตามที่ตกลงไว้ เป็นเงิน 700,000 บาท 


จากนั้นก็ขนข้าวกลับมาโดยที่ไม่ได้รับเงินค่าจ้างแม้แต่บาทเดียว..

แถมยังต้องเสียเงินค่าปรับอีกหลายแสน เมื่ออิ๋วได้เงินค่าปรับไปแล้ว เธอก็มาบอกกับพ่อบ็อบว่า “พี่บ็อบหยุดทำไปก่อนแล้วกันเนอะ รอกล่องข้าวได้มาก่อนค่อยรับงาน” พ่อบ็อบก็เกรงว่าทำไปแล้วจะไม่ผ่านอีก จึงตัดสินใจตามที่อิ๋วบอก และรอได้กล่องข้าว แต่รอแล้วรอเล่า สอบถามไปกับอิ๋ว ก็อ้างว่า ต้องรอไปก่อน ของขาดตลาด ซึ่งระหว่างที่รอกล่องข้าวนั้น แคทเล่าว่า พ่อบ็อบมีอาการเครียดจัดอย่างเห็นได้ชัด จากกิจการขายส่งที่ทำมาตลอดก็ชะงัก มารอทุ่มกับงานรับทำข้าวกล่องจริงจัง พ่อบ็อบเองก็พ้อบ้างแต่ลงทุนไปแล้ว ยังไงก็ต้องสู้

ผ่านไป 10 กว่าวัน ก็เกิดเหตุสลดขึ้นกับครอบครัวยิ้มเจริญ เช้ามืดวันที่ 20 ก.ย. 2560 พ่อบ็อบมีอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก จึงบอกคนที่บ้านให้พาไปโรงพยาบาล ระหว่างทางที่ไปพ่อบ็อบก็หมดสติไปแล้ว เมื่อถึงโรงพยาบาลหมอก็พยายามปั๊มหัวใจพ่อบ็อบอยู่สักพัก จนชีพจรกลับมา ก่อนที่ทีมรักษาจะทำการสอดท่อช่วยหายใจ แคทเล่าภาพเหตุการณ์ตรงนั้นว่า ภาพที่แคทเห็นคือ พ่อนอนดิ้นทุรนทุราย และร้องตะโกนว่าเจ็บ ก่อนจะหมดสติไปอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้หมอปั๊มหัวใจแล้วแต่ไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้ ในที่สุดพ่อบ็อบก็สิ้นใจด้วยอาการช็อก ในเวลา 07.00 น. ของเช้าวันที่ 20 ก.ย. 60

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน


นับเป็นการสูญเสียเสาหลักของครอบครัวยิ้มเจริญ และยังสูญเงินไปอีกกว่า 3 ล้านบาท จากการทำสัญญาว่าจ้างทำสัมปทานข้าวกล่องนี้ จนถึงวันนี้ แคทบอกว่า เงินส่วนต่างค่าอุปกรณ์ทำครัวที่ทางคู่กรณียังติดค้างอยู่ ก็ยังไม่ได้คืน ครอบครัวเคยคิดจะดำเนินคดีกับคู่กรณีเหมือนกัน แต่เมื่อเธอปรึกษาทนายแล้ว ทนายบอกว่าเราจะมีแต่เสียเปรียบ ทั้งยังมีหนังสือสัญญามัดอยู่ การดำเนินคดีค่อนข้างยาก แคทและครอบครัวจึงล้มเลิกที่จะดำเนินคดี แล้วปล่อยผ่าน โดยที่จะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับรับจ้างทำข้าวกล่องนี้อีก


แคทยังบอกอีกว่า ได้เห็นข่าวของผู้เสียหายรายล่าสุดแล้ว รู้สึกสะเทือนใจมาก ไม่คิดว่าจะมาเกิดขึ้นกับคนอื่นอีก แค่พ่อบ็อบจากไปเพราะเหตุนี้ก็ช้ำพอแล้ว ไม่อยากจะให้คนแบบนี้มีที่ยืนในสังคมอีกต่อไป



อีจันได้ฟังเรื่องราวการสูญเสียของแคทแล้ว รู้สึกเศร้าใจที่สังคมเรามีกลุ่มมิจฉาชีพแบบนี้เกิดขึ้น ซึ่งจากพฤติการณ์แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเป็นการหลอกลวงและฉ้อโกง ส่วนเรื่องเอกสารสัญญานั้น คงต้องลงลึกในรายละเอียดทางกฎหมายว่าเป็นสัญญาฉ้อฉลหรือไม่อย่างไร อีจันขอแสดงความเสียใจกับแคทและครอบครัวยิ้มเจริญอีกครั้ง และเป็นกำลังใจให้ผู้เสียหายทุกราย ที่โดนเบี้ยวข้าวกล่องที่กำลังดำเนินคดีไปตามกฎหมายต่อไป