ทำไม? “อึ” เป็นหลักฐาน คดีล่าสัตว์ป่า

ทำไม? “อึ” เป็นหลักฐาน คดีล่าสัตว์ป่าคุ้มครองทุ่งใหญ่นเรศวร

จากกรณี “นายวิเชียร ชิณวงษ์” หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก นำเจ้าหน้าที่จับกุม “นายเปรมชัย กรรณสูต” ประธานบริหารและกรรมการ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเมนต์ พร้อมพวกรวม 4 คน พร้อมของกลางซากสัตว์ป่าคุ้มครอง ไก่ฟ้าหลังเทา ซากเนื้อเก้ง ซากเสือดำ ถูกชำแหละและถลกหนัง รวมถึงอาวุธปืนและเครื่องกระสุนจำนวนมาก เมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา

ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ ลงพื้นที่เก็บหลักฐานบริเวณที่จับกุมนายเปรมชัย กับพวก เพิ่มเติมในป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก ตรวจสอบพบกองอุจจาระที่กองอยู่หน้ารถ 1 กองใหญ่ อยู่ห่างจากจุดที่ปลดปลอกปืนลูกซองเพียง 3 เมตร และเป็นจุดที่มีร่องรอยการแล่เนื้อและชำแหละเครื่องในของเสือดำ นำส่งมอบให้พนักงานสอบสวนเพื่อส่งให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบ คำถาม??? อึ หรือ อุจจาระ สามารถนำไปตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์เพื่อเป็นหลักฐานมัดตัวผู้กระทำความผิดได้หรือไม่ คำถาม??? อึ หรือ อุจจาระ ที่พบในคดีของนายเปรมชัย และพวก ถือเป็นหลักฐานสำคัญหรือไม่ คำตอบของนักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานด้านการตรวจหาสารพันธุกรรม หรือ ดีเอ็นเอ ให้ข้อมูลที่ชัดเจนว่า อุจจาระที่ออกมาจากร่างกายจะมีเซลล์หลุดรอดออกมาด้วยไม่ว่าจะเป็นเลือด มูก เม็ดเลือดขาว เม็ดเลือดแดง เซลล์จะปะปนออกมาระหว่างขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย ซึ่งหากในที่เกิดเหตุพบกองอุจจาระ สามารถนำมาสกัดดีเอ็นเอเพื่อมัดตัวผู้กระทำความผิด หรือหาตัวผู้กระทำความผิดได้ ทั้งนี้ข้อบ่งบอกบางครั้งที่ไม่สามารถสกัดดีเอ็นเอจากอุจจาระได้เกิดจากปัจจัยสภาพแวดล้อมทำให้เกิดการย่อยสลายหรือเสื่อมสลาย สำหรับคดีของนายเปรมชัย และพวก โดยเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ เก็บกองอุจจาระนำส่งตรวจพิสูจน์ ไม่ถือว่าเป็นหลักฐานสำคัญเพราะมีพยานบุคคล พยานแวดล้อม และหลักฐานอื่นๆสามารถพิสูจน์ได้ว่านายเปรมชัย และพวกกระทำความผิดตามข้อกล่าวหาที่ถูกแจ้งดำเนินคดี ซึ่งประเด็นอุจจาระคงเป็นหลักฐานประกอบเพื่อนำมาสนับสนุนให้ทราบว่าพฤติการณ์แห่งคดีเป็นอย่างไร ฉะนั้น “อึ” หรืออุจจาระกองนี้หากพิสูจน์ได้ว่าเป็นของนายเปรมชัย ก็ยิ่งมัดตัวไม่ให้ดิ้นหลุดกรณีร่วมรู้เห็นเป็นใจฆ่าชำแหละสัตว์ป่าคุ้มครอง!!!