เปลือยใจ ภา ยากูซ่าหน้าหวาน หญิงสาวผู้หลงใหล ในยันต์อักขระ

เปิดเรื่องราว หญิงสาวผู้หลงไหลในการสักยันต์ “ภา ยากูซ่าหน้าหวาน” ที่เธอบอกว่า การสักยันต์ สร้างให้เธอมีตัวตน แม้สังคมยังตีตราว่า คนมีรอยสักเป็นคนไม่ดี

“ผู้หญิงกับรอยสัก” ศิลปะบนเรือนร่างที่ไม่ใช่ตำหนิ หรือแค่อคติของคนบางคน
ความเข้าใจของสังคมบางส่วน ที่มีต่อการสักลาย ยังคงเป็นชุดความคิดแบบเก่า ที่ตีตราว่า คนสักลายเป็นคนไม่ดี ทั้งๆที่โลกเปลี่ยนไปไกลแล้ว เรื่องการสักลายเป็นความเชื่อ และความชอบของแต่ละบุคคล ถือเป็นสิทธิเหนือเรือนร่าง ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้หมายความว่า การตีตราประทับให้กับผู้มีรอยสักจะหายไป เหมือนกับผู้หญิงคนนี้

หญิงสาวคนนี้มีชื่อว่า พิมพ์นิภา วีระวรรณ หรือฉายา ภา ยากูซ่าหน้าหวาน อายุ 50 ปี รอยสักบนร่างกายของเธอ ทำให้เธอแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่น นั่นเป็นอีก 1 เหตุผลที่ทำให้ผู้คนในโลกโซเชียลติดตามเธอ

พี่ภา เล่าว่าในตอนแรกเธอเองไม่ได้ชื่นชอบในรอยสัก เพราะพ่อของเธอก็เป็นคนมีลายสักเหมือนกัน ยิ่งเมื่อครั้งที่ได้ลองจับผิวหนังของพ่อที่สักนั้น ยิ่งทำให้เธอ รู้สึกไม่ชอบในรอยสักอย่างมาก

แต่หลังจากนั้น ความไม่ชอบของเธอก็กลับตาลปัตร กลายเป็นความชอบ พี่ภาเล่าว่า ตอนนั้นเธอทำธุรกิจส่วนตัว แต่การค้าขายตอนนั้นค่อนข้างแย่ พี่ชายของเธอได้ชวนไปสักยันต์กับพระอาจารย์ท่านหนึ่งที่ จ.เพชรบูรณ์

ในตอนแรกเธอปฏิเสธ เพราะเธอกลัวเข็ม แต่เพราะความอยากขายของดี จึงเปิดใจลองไปดู ลายยันต์แรกที่เธอสักมาคือ “ยันต์ห้าแถว”

และนั้นคือจุดเริ่มต้นของความหลงไหลในรอยสัก ที่เริ่มขึ้น นับตั้งแต่นั้น

พี่ภาบอกว่า หลังสักชีวิตก็เริ่มดีขึ้น เธอจึงเริ่มเข้าไปในแต่ละสำนัก เพื่อเติมเต็มความชอบและความศรัทธาของเธอ เธอใช้เวลาไม่ถึง 1 ปี รอยสักนั้น “ก็เต็มตัว”

“ ครอบครัว ลูกๆ ว่ายังไงบ้าง? ”

พี่ภาให้คำตอบว่า ในตอนนั้นไม่มีใครรู้ ทุกคนมารู้ก็ตอนที่สักมาเต็มตัวแล้ว ถามว่ามีใครว่าไหม “ก็ไม่มีใครว่า” ส่วนลูกหลังจากที่เห็นรอยสัก ก็ขอไม่ให้สักขึ้นคอขึ้นหน้า รวมถึงขาด้วย แต่พี่ภาบอกว่า มันไม่ทันแล้ว เธอสักเสร็จก่อนที่ลูกสาวจะขอเสียอีก

ส่วนในด้านสังคม พี่ภาบอกว่า เธอโชคดีเพราะเธอไม่เคยโดนใครดูหมิ่น หรือรังเกียจ แต่ในอีกมุมก็เคยมีคนมาลองของ ด้วยคำพูดที่ว่า “เหนียวจริงไหม? ฟันแทงเข้าไหม? ”

เธอบอกว่า คำพูดเหล่านี้ในภาษาของคนสักยันต์ด้วยกัน มันคือการ ดูหมิ่นครูบาอาจารย์ เธอได้ท้าทายคนเหล่านี้ให้มาลองผลัดกันแทงดู แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครกล้า ก่อนจะเดินจากไป


“ฉายา ภา ยากูซ่าหน้าหวาน มาได้ยังไง?”

พี่ภาตอบว่าในตอนแรก ฉายาของเธอคือ “คาสโนวี่ หน้าหวาน” แต่ด้วยรอยสักที่เพิ่มมากขึ้นของเธอ เพื่อนๆเลยเรียกเธอว่า ยากูซ่าเมืองไทย เธอชอบชื่อนี้มาก เลยปรับเปลี่ยนมาใช้กับฉายาเก่าจนกลายเป็น “ภา ยากูซ่าหน้าหวาน”

“คนสักยันต์ เป็นคนไม่ดี?”

พี่ภาตอบกลับว่า คนไทยชอบตีตราว่าคนสักยันต์ นั้นเป็นคนไม่ดี แต่ไม่รู้เลยว่าจริงๆคนสักยันต์นั้น ต้องถือศีล ทำความดีละเว้นจากความชั่ว

แต่กลับกันคนไม่สักตัวสะอาด กลับทำแต่สิ่งที่ไม่ดี คนสักยันต์เขาสักที่ตัว ไม่ได้สักที่ใจ วอนสังคมเลิกมองคนมีรอยสักเป็นคนไม่ดีได้แล้ว

สุดท้าย พี่ภาฝากบอกไปยังสังคมไทยว่า “สักยันต์เพราะใจศรัทธา จะมามองว่าเขาเป็นคนไม่ดี เอาอะไรมาวัด คนสักยันต์ได้ดีมีถมเถไป เพียงแต่สังคม ยังไม่ยอมรับ”
และยังฝากถึงเด็กรุ่นใหม่ที่คิดจะสัก ให้คิดให้ดีก่อน เพราะรอยสักทุกรอยมีความหมาย และมันจะติดตัวเราไปจนกว่าจะตาย


สักที่ตัว หนักหัวคนอื่น? ภา ยากูซ่าหน้าหวาน