บิ๊กเต่า” แจงไทม์ไลน์เรือน้ำมัน 3 ลำหาย ย้ำ! ถ้ามีพยานหลักฐานใหญ่เเค่ไหนก็จับ

“บิ๊กเต่า” แจงไทม์ไลน์เรือน้ำมัน 3 ลำหาย ชี้มีความพยายามเปลี่ยนแปลงเรือ ย้ำ! ถ้ามีพยานหลักฐานใหญ่เเค่ไหนก็จับ

สืบเนื่องจากกรณีที่เรือบรรทุกน้ำมันเถื่อนพร้อมน้ำมัน 330,000 ลิตร จำนวน 3 ลำ ที่ตกเป็นของกลางในคดีลักลอบขนน้ำมันเถื่อนเครือข่าย “เสี่ยโจ้ น้ำมันเถื่อน” หรือ “โจ้ ปัตตานี” จอดอยู่ที่ท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ จ.ชลบุรี จำนวน 3 ลำ ก่อนที่จะหายไปอย่างไร้ร่องรอย โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 12 มิ.ย.67 โดยได้รับแจ้งจาก สว.ส.รน.3 กก.5 บก.รน. ว่าเจ้าหน้าที่ตรวจไม่พบเรือของกลาง จำนวน 3 ลำ ในคดีอาญาเลขที่ 102/2567 ลงวันที่ 20 มี.ค.67

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

ความคืบหน้าล่าสุด เวลาประมาณ 15.30 น. วันนี้ (17 มิ.ย.67) พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ให้สัมภาษณ์ ที่ กองกำกับการ 7 กองบังคับการตำรวจน้ำ(สถานีตำรวจน้ำสงขลา) ว่ามี จนท.จากกรมศุลกากร เข้ามาตรวจน้ำมัน เพื่อไปจำหน่าย ตามระเบียบ จากการสืบสวน เรือไปถึงกัมพูชาเเล้วขายเลยถ้าในความเห็นผม ต้องการทั้ง 2 อย่าง เรือต้องการเเน่ ๆ เพราะว่า ถ้าไม่ประสงค์ในเรือคงไม่เปลี่ยนตำหนิรูปพรรณเรือหรอกผมได้ตอบไปหลายสื่อ เริ่มจากน้ำมันก่อน 300,000 ลิตร ถ้าขายในทะเลประมาณเท่าไหร่ ?

พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ  กล่าวว่า เรือ 3 ขนาด เฉลี่ยลำละ 5 ล้านบาท เพราะฉะนั้น เรือมีมูลค่ามากว่าน้ำมัน ความประสงค์จริงๆ คือ ทั้ง 2 อย่าง เเต่ประสงค์จะนำเรือไปใช้ต่อเเน่ ๆ ซึ่งตอนจับ เรือกำลังเเล่นต่อกันไปที่ไปเขมร เพื่อต้องการอยู่ระยะยาว ต้องการหลบ เปลี่ยนเเปลงเรือ พักก่อนรอเรื่องเงียบเเล้วค่อยออกมา ส่วนข้อเท็จจริง ให้ได้ลูกเรือมาก่อนเเล้วจะซักอีกที

ทั้งนี้ ลูกเรือคนที่ยังอยู่ บอกว่า ลำพังเข็มทิศอันเดียว เขาก็เดินเรือได้ คนที่ชำนาญในการเดินเรือ เข็มทิศอันเดียวก็เดินเรือได้ น้ำมันที่หายไป ถึงปัจจุบัน ยังไม่มีใครมาเเสดงตนเป็นเจ้าของเรือ เเละน้ำมัน ผู้ต้องหาที่เป็นลูกเรือ ไม่ได้ให้การซัดทอดว่าเป็นของใคร ในชั้นนี้เรามีข้อมูล ขอพิสูจน์ทราบอีกนิดนึง

ต่อข้อถามที่ว่า เชื่อว่ามีใบสั่งไหม ? พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ กล่าวว่า ขอตรวจสอบก่อน เดือนมีนาคม เราได้จับกุมเรือ 5 ลำ ทำการสืบสวนมาตลอด เราได้ซักถามลูกเรือ 28 คน น้ำมัน เรือเป็นของ 28 คนนี้มั้ย ซึ่งลูกเรือบอกเเค่ว่าเป็นลูกจ้าง

จากข้อมูลการสืบสวนที่ผ่านมา เชื่อว่ามีนายทุนอยู่เบื้องหลัง ภายหลังมีการนำเรือวันที่ 9 มิ.ย.67 และวันที่ 10 มิ.ย.67 เริ่มเห็นการเคลื่อนไหว มีการติดเสบียง มีการซื้อของ มีเส้นทางการเงินที่ผิดปกติ  จากนั้นคืนวันที่ 11 มิ.ย.67 มีการหันหัวเรือตอนกลางคืน มุ่งหน้า เชื่อว่ามีการหลบหนีเเล้ว ตั้งเเต่เรือหายไป เราสแกนทุกมิติ จนพบว่า คนที่ขึ้นเรือไป 3 ลำ มี 15 คน ซึ่งวันนี้พบว่าเหลือ 8 คน อีก 7 คน เราทำการสืบอยู่ว่า หลบไปอยู่ที่ไหน เราเชื่อว่า มีการเชื่อมโยงบางส่วน เรือทั้ง 5 ลำ อาจจะไม่ได้มีนายทุนเเค่คนเดียว ขอเวลาเราทำงานอีกซักนิด

พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ  กล่าวว่า คนที่นาย จ. จานมีความเชื่อมโยงอยู่บ้าง เเต่หลักฐานต้องขอเวลาอีกนิด ในการหลบหนี ของเรือทั้ง 3 ลำ เชื่อว่ามีคนอยู่เบื้องหลังเราอยากได้ข้อเท็จจริงไม่ต่างกับพี่น้องประชาชน เราไม่ปล่อยเเน่ ต้องนำเรียนว่า เราถูกโจรกรรมเรือไป เรือมีน้ำมันด้วย เเต่ด้วย 2 อย่างนี้ คือ เรือมีมูลค่า 3-4 ล้าน เเต่น้ำมัน 30 ล้านบาท เราไม่ได้นิ่งนอนใจ พวกเราไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ข่าวที่มันออกมาว่ามีการเคลียร์ มันทำให้เราตกเป็นผู้ที่ถูกกล่าวหา ทั้งที่จริง ๆ เเล้ว เรามีความจริงใจการเเก้ปัญหาเรื่องนี้ ขอความเป็นธรรมให้กับชุดทำงานด้วย

พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ กล่าวว่า ขอให้เชื่อว่า ถ้าเราพบใครที่มีส่วนเกี่ยวข้องเราดำเนินการ เเต่ในส่วนของน้ำมันที่ไม่อยู่ ขอให้เห็นความตั้งใจ น้ำมันที่หายไปต้องมีคนรับผิดชอบ เราตรวจสอบทุกมิติ ผมเเละองค์กรไม่ให้ใคร 3-4 คนมาทำให้องค์กรนี้เสียหาย เราเดินน้าเต็มที่ ที่จะจัดการเรื่องนี้ อาทิตย์นี้จะมีความชัดเจน เรื่องการสืบสวน เรื่องนี้มันไม่ง่าย ตรงนี้เป็นเขตอิทธิพลของกลุ่มคนพวกนี้ เรือกลุ่มนี้กำลังที่จะถูกเเปรสภาพ ไม่ให้มีลักษณะเดิม เมื่อไปประสานงานกดดัน เรือกลุ่มนี้ก็รีบหนนีออกจากพื้นที่โดยทิ้งคนบางส่วนไว้ที่ฝั่ง เพราะเจ้าหน้าที่ไล่บี้มาเห็นหลังไวไว ติดตามมาตลอด

ต่อข้อถามที่ว่า ทำไหมให้ประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 8 คน พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ  กล่าวว่า ทุกเคสที่จับเรื่องนี้ก็ให้ประกันตลอด มันมีความจำเป็นที่ต้องให้ลูกเรือเขาไปเฝ้าเรือเอง เรืออาจจะจม หรือเรืออาจจไหม้ได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจหน้าที่ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้เต็มที่ ยืนยันด้วยเกียรติ ไม่เคยละเว้นผู้ใด ถ้ามีพยานหลักฐาน ใหญ่เเค่ไหนก็จับ

สำหรับไทม์ไลน์การจับกุมเรือน้ำมันหาย 3 ลำ พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ชี้แจง ดังนี้

คดีนี้เราจับกุมน้ำมันเถื่อน เมื่อวันที่ 17 มี.ค.67 โดยนำของกลางไปไว้ที่ ตำรวจน้ำสัตหีบ ซึ่งอยู่ในที่ที่ของกลางเหล่านี้สูญหาย

วันที่ 11 มิ.ย.67 ผู้ต้องหา ได้อาศัยโอกาส ที่เรืออยู่บริเวณด้านนอก ห่างจากการตรวจการณ์ เเละนำเรืออกไป เราสืบทราบว่าเรือเหล่านี้ เดินทางไปประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งใกล้ที่สุด คือ ประเทศกัมพูชา ซึ่งเดินทางไปถึงในวันที่ 12 มิ.ย.67 น่าจะเป็นช่วงเย็น

จากการสืบสวน เบื้องต้นทราบว่า เอาเรือไปเพื่อหลบซ่อน มีพฤติกรรมในการพยายามเปลี่ยนสีเรือ เปลี่ยนรูปพรรณสัณฐานเรือ เพื่อไม่ให้มีการตรวจจับ เป็นเรือที่ผู้ต้องหาที่มีความประสงค์ที่จะนำเรือทั้งหมดกลับไปใช้ใหม่ เเละจากการสอบถามเบื้องต้น มีการเอาน้ำมันที่มีจำนวนมาก จำหน่ายในพื้นที่ น้ำมันอาจจะเหลือไม่เท่ากับจำนวนที่มีอยู่ตอนเป็นของกลาง

จากการสืบสวนทราบว่า ผู้ต้องหาบางส่วนมีการสับเปลี่ยนลงไปพักผ่อน เขาคิดว่า จากการสอบถามเบื้องต้น การจอดอยู่มีการซ่อนอยู่ในระยะเวลายาวนาน เลยมีการเเบ่งผู้ต้องหาส่วนหนึ่ง เเยกออกไปเพื่อพักผ่อน อีกส่วนหนึ่งยังเฝ้าเรือ

เเต่ในช่วงวันที่ 13 มิ.ย.67 ตำรวจน้ำได้ประสานไปยังประเทศเพื่อนบ้านทุกประเทศ รวมถึงกัมพูชา ขอให้ดูตามท่าเรืออู่เรือ ว่ามีพฤติกรรมในการเปลี่ยนสภาพเรือหรือไม่ เชื่อว่ากลุ่มผู้ต้องหาทราบว่ามีการตรวจจับจากเจ้าหน้าที่ ก็เลยเอาเรือออกไปจากท่าเรือ ที่ตนเองอยู่ เพราะฉะนั้นผู้ต้องหาส่วนหนึ่งงยังอยู่บนฝั่ง ส่วนหนึ่งอยู่บนเรือนี้

โดยความพยายามเปลี่ยนแปลงเรือ พบว่า มีการทาสีที่เก๋งเรือ พื้นเรือ น่าจะพยายามทาสีทุกลำ เเต่ด้วยความรีบร้อน เสร็จไปเเค่ลำเดียว การค้นหาเรือน้ำมันทั้ง 3 ลำที่หาย ใช้ศักยภาพของตำรวจน้ำ หน่วยงานศรชล. ภาค 1 -2 ช่วยค้นหา นอกจากนั้นใช้เทคโนโลยีติดต่อดาวเทียม ในการสื่อสารค้นหา ยังได้เเจ้งไปยังหน่วยภาคีเครือข่าย กลุ่มประมงต่างๆ

กระทั่งวันที่ 16 มิ.ย.67 ช่วงประมาณ 06.00 น. รับเเจ้งจากภาคีเครือข่าย ว่ามีเรือที่มีลักษณะตำหนิรูปพรรณตรงกับเรือที่หลบหนีไป อยู่บริเวณ ห่างฝั่งสงขลาประมาณ 90 ไมล์ พื้นที่ EEZ ประมาณ 08.00 น. เราใช้เรือ ตำรวจน้ำ 3 ลำออกไปพิสูจน์ทราบ เมื่อเวลา 15.00-16.00 น. พิสูจน์ทราบว่า เรือเหล่านี้คือเรือที่ถูกลักไป เมือ่วันที่ 11 มิ.ย.67 เนื่องจากตำหนิรูปพรรณสัณฐานตรงกัน เมื่อเข้าไปตรวจสอบ ก็มีคนเรือ ซึ่งน่าจะตำหนิ ชื่อ นามสกุล ตรงกับผู้ต้องหา

ตอนนี้เราสามารถระบุว่า น่าจะมีลูกเรืออยู่ 8 คน สาเหตุที่เรือเหล่านี้อยู่ในบริเวณตรงนั้น คาดว่าอาจจะหนีต่อ เเต่ปัญหาก็คือ มีเรือลำหนึ่งชื่อ “เรือดาวรุ่ง” เครื่องเสีย เขาถึงไม่สามารถไปไหนต่อได้ เราทราบดีว่าเรือบรรทุกน้ำมันเหล่านี้ จะเป็นเรือที่ถ้ามาเพื่อทำงาน จะมีอุปกรณ์อื่นเยอะกว่านี้ ก็เลยจะต้องลากกันไป ตอนนี้เราไประบุรูปพรรณของคนบนเรือทั้งหมดเเล้ว ก็เชื่อว่า เป็นเรือในกลุ่มของผู้ต้องหาจริง


คลิปอีจันแนะนำ

บิ๊กเต่า ประกาศชัด เราคือคู่กัด เสี่ยโจ้ เรือน้ำมันเถื่อน