วันนี้ทะเลยังเขียวอี๋! ดร.ธรณ์ ชี้ ทะเลบางแสน จ.ชลบุรี เขียวผิดปกติ เพราะภาวะโลกร้อน

หยุดยาวนี้ (26 ก.พ.67) ทะเลยังเขียวอี๋! ดร.ธรณ์ ชี้ ทะเลบางแสน จ.ชลบุรี เขียวผิดปกติ เพราะภาวะโลกร้อน แต่ยังเล่นน้ำได้ตามปกติ

ปกติวันหยุดยาวแบบนี้ที่บางแสน จ.ชลบุรี คึกคักสุดๆ แต่รอบนี้เงียบเหงานักท่องเที่ยวบางตา เพราะเกิดปรากฏการณ์แพลงก์ตอนบลูม (Plankton Bloom) ซึ่งนักวิทย์ออกมาบอกว่า ปกติแพลงก์ตอนบลูม จะเกิดช่วงหน้าฝน แต่ที่ปีนี้มาเร็วก็เพราะภาวะโลกร้อนค่ะ 

วันนี้ (26 ก.พ.67) เวลา 10.00 น. น้ำทะเลบางแสน ยังคงเป็นสีเขียวเข้ม เหมือนชาเขียวมัจฉะ บริเวณหาดบางแสนพบนักท่องเที่ยวบางตาและส่วนใหญ่ไม่กล้าลงเล่นน้ำเพราะกลัวอันตรายต่อผิวหนัง 

นางสาวอันธิกา อายุ 39 ปี นักท่องเที่ยว ได้เล่าว่าตนได้เดินทางพาครอบครัวมาจาก จ. อยุธยา เพื่อมาเที่ยวทะเลบางแสนในวันหยุดยาว เมื่อมาถึงพบว่าน้ำทะเลเป็นสีเขียวเข้มจนในครอบครัวไม่กล้าลงเล่นกลัวจะได้รับผลกระทบต่อผิวหนัง แถมทะเลยังมีกลิ่นเหม็นเน่าอีกด้วย ตอนนี้ก็ได้แต่นั่งแล้วก็มองดูบรรยากาศเฉยๆ 

นายชัยวุฒิ อายุ 30 ปี ผู้ประกอบการบานาน่าโบ๊ทหรือเรือกล้วย เผยว่า ทะเลบางแสนตอนนี้เจอมรสุมและอากาศร้อน ทำให้เกิดปรากฏการณ์แพลงก์ตอนบลูม น้ำทะเลเป็นสีเขียวและมีกลิ่น ซึ่งเมื่อวันเสาร์น้ำทะเลเริ่มมีสีเขียวอ่อน วันอาทิตย์กลายเป็นสีเขียวเข้มและวันนี้ก็ยังมีความเข้มอยู่ ซึ่งคาดว่าปรากฏการณ์นี้จะหายภายในอีก 1-2 วัน แต่ยืนยันว่าไม่มีอันตรายยังคงลงเล่นน้ำได้ปกติ หากมีผลกระทบก็เพียงเล็กน้อยไม่ถือว่าเป็นอันตรายมาก ไม่อยากให้นักท่องเที่ยวตื่นตระหนก เพราะทะเลบางแสนเกิดปรากฏการณ์แพลงก์ตอนบลูมนานๆ จะเป็นครั้ง  

ด้าน ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศทางทะเล ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “Thon Thamrongnawasawat” ระบุว่า 

ปกติแพลงก์ตอนบลูมหรือน้ำเขียวแถวบางแสน จะเกิดช่วงหน้าฝน แต่ในยุคโลกร้อนทะเลเดือด อะไรก็เกิดขึ้นได้ สัญญาณเตือนทะเลผิดปกติ สถานีโทรมาตรของ สสน./คณะประมงศรีราชา ดังขึ้นมาในโทรศัพท์ผมก่อนหน้านี้ ยังมีสัญาณเตือนจากสถานีโทรมาตรของ ม.บูรพา ที่บางแสน จากนั้นน้ำบางแสนก็เริ่มเขียว อันเป็นปรากฏการณ์แพลงก์ตอนบลูม 

“แพลงก์ตอนที่บลูม” คือ Noctiluca เป็นแพลงก์ตอนกลุ่มหลักที่ทำให้เกิดน้ำเขียว ไม่มีพิษ เรายังกินสัตว์น้ำได้ ยังเล่นน้ำได้แต่น้ำคงขุ่นและมีกลิ่น 

ข้อมูลจากสถานีอัตโนมัติ 2 แห่งของไทย ช่วยคอมเฟิร์มว่าระบบนี้มีประโยชน์ แต่ถ้าถามว่าทำไมยังเตือนล่วงหน้าไม่ได้นาน คำตอบคือทั้งทะเลไทยมีอยู่ 2 สถานี เคยบอกหลายหนแล้วว่านี่คือการลงทุนที่คุ้มค่า หากเรามีสถานีมากกว่านี้ เราจะแปรผลข้อมูลได้เร็ว และแจ้งเตือนล่วงหน้าได้ 

ซึ่งนั่น จำเป็นมากต่อการรับมือโลกร้อนที่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและพี่น้องประชาชน ไม่ใช่รอให้น้ำเขียวก่อนแล้วค่อยไปเก็บน้ำวัดคุณภาพ เน้นย้ำว่าผมไม่ได้ว่าคนตรวจเก็บวัดเลยแม้แต่น้อย ขอบคุณมากๆ ด้วยครับ แต่อยากให้ภาคนโยบายและการให้งบประมาณของเราจริงจังในเรื่องนี้มากขึ้น 

แล้วทำไมน้ำเขียว? 

คำตอบคือ แดดแรง แม้ธาตุอาหารที่มาจากน้ำตามแม่น้ำลำคลองอาจมีน้อยเนื่องจากเป็นหน้าแล้ง แต่ปัจจุบันที่สะสมตามพื้นท้องทะเลก็มีเยอะแล้ว โดยเฉพาะในเขตน้ำตื้น ยังรวมถึงน้ำทิ้งจากกิจกรรมชายฝั่ง เคยเล่าในงานเสวนาเมื่ออ่าวไทยกำลังเน่าไปแล้ว คงไม่กล่าวซ้ำ ต้องลองย้อนไปดูในโพสต์เก่าๆ ครับ 

นอกจากนี้ อุณหภูมิน้ำทะเลยังสูงกว่าปรกติ ผมลองเทียบน้ำทะเลแถวชลบุรีที่ความลึก 3-5 เมตร ปี 2566 เฉลี่ยไม่เกิน 29 องศา แต่ปีนี้เพิ่งกดดูจากสถานีศรีราชา อยู่ที่ 30.1 องศา อุณหภูมิที่ต่างกัน 1 องศา เกิดจากเอลนีโญบวกโลกร้อน อาจเป็นตัวเร่งปัจจัยต่างๆ ของแพลงก์ตอนบลูม เรายังต้องทำความเข้าใจกับปรากฏการณ์น้ำเขียวในหน้าแล้งอีกเยอะ เพราะอดีตแทบไม่เคยเกิด แต่เมื่อทะเลเริ่มเดือด อะไรก็เกิดได้ 

จึงเน้นย้ำความสำคัญของการหาข้อมูล งานวิจัย และการเรียนรู้เพื่อตอบโจทย์ใหม่ อุปกรณ์เครื่องมือทันสมัยเพื่อสร้างสถานีโทรมาตรในการรับมือ มิใช่เพียงเกิดแล้วเรียกประชุม ข้อมูลเท่าเดิม คนหน้าเดิมๆ ประชุมไปแค่ไหนมันก็ไม่มีทางรู้อะไรใหม่ๆ  

ก็หวังว่าเมืองไทยจะมีสถานีโทรมาตรไว้ตรวจวัด/รับมือกับน้ำเขียวให้มากกว่าที่มีอยู่ 2 แห่งในปัจจุบัน ในระหว่างที่ทะเลและมหาสมุทรโลกกำลังร้อนจัดรุนแรงอย่างที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน” 

อย่างไรก็ตาม เรายังคงเล่นน้ำ กินสัตว์น้ำได้ ได้ตามปกตินะคะ แต่น้ำทะเลอาจจะขุ่น และมีกลิ่นบ้าง ใครไม่ติดก็ลุยโลดดด