จำคุกตลอดชีวิต “ไซซะนะ”

#จำคุกตลอดชีวิต “ไซซะนะ” พ่อค้ายาเสพติดข้ามชาติ

#จำคุกตลอดชีวิต “ไซซะนะ” #พ่อค้ายาเสพติดข้ามชาติ

(20 มี.ค.2561) ศาลอาญา อ่านคำพิพากษาคดี ลักลอบค้ายาเสพติด ที่พนักงานอัยการคดียาเสพติด 10 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายไซซะนะ แก้วพิมพา ชาว สปป.ลาว (Mr.Xaysana Keopimpha) อายุ 42 ปี นักค้ายาเสพติดรายใหญ่ชาว สปป.ลาว เป็นจำเลย ในความผิดฐานสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และได้มีการกระทำเกี่ยวกับยาเสพติด, ร่วมกันนำเข้ายาบ้าซึ่งเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันมียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 65, 66 และ 100/1 และ พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 4 – 5, 8, 14

ภาพจากอีจัน
จากกรณีระหว่างวันที่ 28 – 30 ก.ย.2559 จำเลยกับพวกสมคบกันมียาบ้าจำนวน 1.2 ล้านเม็ด โดยแบ่งหน้าที่กันทำในรูปขบวนการเครือข่ายยาเสพติดโดยซุกซ่อนยาเสพติดในช่องลับใต้หลังคารถยนต์จาก สปป.ลาว ข้ามแดนจากด่าน ตม.สะพานมิตรภาพ 1 จ.หนองคาย เข้ามาในราชอาณาจักรไทย ก่อนลักลอบส่งไปจำหน่ายในพื้นที่ภาคใต้และประเทศมาเลเซีย โดยตำรวจสามารถจับกุมเครือข่ายจำเลย พร้อมยึดยาของกลางได้ กระทั่งขยายผลการจับกุมพวกจำเลยอีกส่วนที่อัยการได้ยื่นฟ้องเป็นคดีไว้แล้ว ก่อนจะจับกุมจำเลยได้เมื่อวันที่ 19 ม.ค. 2560 เหตุเกิดที่ สปป.ลาว, ด่านตรวจคนเข้าเมือง จ.หนองคาย, ด่านตรวจยาเสพติดสีคิ้ว จ.นครราชสีมา, ด่านตรวจยาเสพติดบ้านพละ จ.ชุมพร และลานจอดรถโรงแรมคริสตัน จ.สงขลา ชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพ
ภาพจากอีจัน


ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์และจำเลย ซึ่งให้การปฏิเสธในชั้นศาลแล้วเห็นว่า โจทก์มีพยานเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเบิกความตามลำดับจากการปฏิบัติหน้าที่ ไม่รู้จักและไม่มีเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน เชื่อได้ว่าพยานโจทก์เบิกความตามจริง แต่คดีต้องพิสูจน์จนปราศจากข้อสงสัย โดยนายทรรศพล พลธี, นายไพฑูรย์ ทองเสม, น.ส.เกศญาณัฐฐ์ ธงวาด และนายนิอุสมัน ปะจู จำเลยที่ 1-4 ในคดีหมายเลขดำ อย.5837/2559 ของศาลนี้ ได้เบิกความสอดคล้องเชื่อมโยงกัน ในการขนยาเสพติดโดยใช้รถตู้ที่นายทรรศพลเป็นผู้ขับ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สะกดรอยตามและตรวจค้นพบเมทแอมเฟตามีนซุกซ่อนอยู่ จากการสอบสวนนายทรรศพลให้การว่าจำเลยเป็นพี่ใหญ่ในการสั่งการขนยาเสพติด พร้อมชี้ภาพยืนยัน มีนายไพฑูรย์ ขับรถตรวจเส้นทาง การให้การของนายทรรศพลไม่ใช่เป็นการซัดทอดให้พ้นผิด และให้การโดยละเอียดยากแก่การปั้นแต่ง

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์และไลน์ของจำเลยพบว่ามีการติดต่อกับพวกเรื่องการขนยาเสพติดและการโอนเงินเชื่อมโยงกันเป็นเครือข่าย ติดต่อกับขบวนการค้ายาเสพติดหลายกลุ่ม ซึ่งในชั้นสอบสวนจำเลยรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา พยานหลักฐานมีน้ำหนักมั่นคงว่าจำเลยกระทำผิดจริง ส่วนที่จำเลยปฏิเสธว่ามีเบอร์โทรศัพท์ของลาวเบอร์เดียว ไม่ได้มีโทรศัพท์ 5 เครื่องที่เป็นของกลางนั้น จำเลยกลับยอมรับว่าเบอร์อื่นที่ใช้ในไลน์เป็นของจริง ไม่ใช่ข้อพิรุธของโจทก์ และที่อ้างว่าเจ้าหน้าที่ให้ลงนามในเอกสารแล้วจะได้รับการปล่อยตัวนั้นเป็นการอ้างลอยๆ ซึ่งขณะนั้นมีเจ้าหน้าที่สถานทูตอยู่ด้วยก็ไม่ได้ทักท้วงใดๆ การให้การในชั้นสอบสวนจึงเป็นการให้การโดยสมัครใจ เป็นการให้การหลังถูกจับกุมไม่มีเวลาปรุงแต่งเรื่อง จึงเชื่อว่าเป็นการให้การตามจริง อีกทั้งมีผู้ร่วมกระทำความผิดเป็นคนไทย จำเลยจึงต้องรับโทษในไทย

ภาพจากอีจัน
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์และจำเลยแล้วเห็นว่า โจทก์มีพยานเป็นตำรวจเบิกความตามลำดับจากการปฏิบัติหน้าที่ ไม่รู้จักและไม่มีเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน เชื่อได้ว่าพยานโจทก์เบิกความตามจริง พิพากษาว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 และ พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 ฐานสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด จำหน่ายยาเสพติด และนำเข้ายาเสพติดเข้ามาในราชอาณาจักร เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทสูงสุดฐานนำเข้ายาเสพติดเข้ามาในราชอาณาจักร ให้ประหารชีวิต จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี ลดโทษ 1 ใน 3 ให้จำคุกจำเลยตลอดชีวิต.