![](https://files.ejan.co/wp-content/uploads/2024/04/1712737277_910359-ejan-768x402.jpg)
รัฐบาลทำตามสัญญา เคาะแล้วค่ะ “ดิจิทัลวอลเล็ต” ที่หลายคนรอคอย
วันนี้ (10 เม.ย.67) ที่ ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง พร้อมด้วย นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง ได้แถลงผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต
โดยนายกเศรษฐา กล่าวว่า “นโยบายการเติมเงิน 1 หมื่นบาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ได้เกิดขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว รัฐบาลสามารถทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับพี่น้องประชาชน เป็นไปตามตัวบทกฎหมายและกรอบวินัยการเงินการคลัง ร้านค้าสามารถลงทะเบียนได้ในไตรมาส 3 และเงินจะส่งตรงถึงประชาชนไตรมาส 4/2567 เป้าหมาย 50 ล้านคน ไม่เปลี่ยนแปลง”
![](https://files.ejan.co/wp-content/uploads/2024/04/1712737168_275529-ejan-1024x681.jpg)
ด้านนายจุลพันธ์ กล่าวถึงแนวทางการดำเนินโครงการฯ ที่สำคัญ สรุปได้ ดังนี้
1.กลุ่มเป้าหมาย ประชาชนจำนวนประมาณ 50 ล้านคน โดยจะมีเกณฑ์ ได้แก่ อายุเกิน 16 ปี ณ เดือนที่มีการลงทะเบียน, ไม่เป็นผู้ที่มีเงินได้พึงประเมินเกิน 840,000 บาทต่อปีภาษี และมีเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจรวมกันไม่เกิน 500,000 บาท
2. เงื่อนไขการใช้จ่าย
2.1 ระหว่างประชาชนกับร้านค้า ใช้จ่าย ‘เชิงพื้นที่’ ในระดับอำเภอ (878 อำเภอ) โดยกำหนดให้ใช้จ่ายกับร้านค้าขนาดเล็กที่ตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนดเท่านั้น
2.2 ระหว่างร้านค้ากับร้านค้า ไม่กำหนดเงื่อนไขการใช้จ่ายเชิงพื้นที่ระหว่างร้านค้ากับร้านค้าในระดับอำเภอ และขนาดของร้านค้า
การใช้จ่ายเงินสามารถใช้จ่ายได้หลายรอบ โดยรอบที่ 1 จะเป็นการใช้จ่ายระหว่างประชาชนกับร้านค้าขนาดเล็กเท่านั้น (ตามกระทรวงพาณิชย์กำหนด) ตั้งแต่รอบที่ 2 ขึ้นไป จะเป็นการใช้จ่ายระหว่างร้านค้ากับร้านค้าโดยไม่จำกัดขนาดร้านค้า
3. ประเภทสินค้า สินค้าทุกประเภทสามารถใช้จ่ายผ่านโครงการฯ ได้ ยกเว้น สินค้าอบายมุข น้ำมัน บริการ และออนไลน์ เป็นต้น และสิ่งที่กระทรวงพาณิชย์จะกำหนดเพิ่มเติม
4. คุณสมบัติร้านค้า ที่สามารถถอนเงินสดจากโครงการฯ ต้องเป็นร้านค้าที่อยู่ในระบบภาษี ดังนี้
(1) ภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value Added Tax: VAT)
(2) ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (Personal Income Tax: PIT) เฉพาะผู้มีเงินได้พึงประเมิน ตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร
(3) ภาษีเงินได้นิติบุคคล (Corporate Income Tax: CIT)
ทั้งนี้ ร้านค้าไม่สามารถถอนเงินสดได้ทันทีหลังประชาชนใช้จ่าย แต่ร้านค้าจะสามารถถอนเงินสดได้เมื่อมีการใช้จ่ายตั้งแต่ในรอบที่ 2 เป็นต้นไป
![](https://files.ejan.co/wp-content/uploads/2024/04/1712737182_767093-ejan-1024x651.jpg)
5. การจัดทำระบบ จะเป็นการพัฒนาต่อยอดของรัฐบาลดิจิทัลโดยสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) (สพร.) ร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยมีเป้าหมายให้เป็น Super App ของรัฐบาล โดยการใช้งานจะพัฒนาให้สามารถใช้จ่ายได้กับธนาคารอื่นๆ ในลักษณะ open loop ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในการจัดทำของภาครัฐ รัฐบาลจะดำเนินโครงการฯ ให้เป็นไปอย่างรอบคอบ โปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ตามกฎหมาย
6. แหล่งเงิน จะใช้เงินจากงบประมาณจาก 3 แหล่ง ได้แก่
– เงินงบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 จำนวน 152,700 ล้านบาท
– การดำเนินโครงการผ่านหน่วยงานของรัฐ จำนวน 172,300 ล้านบาท
– การบริหารจัดการเงินงบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จำนวน 175,000 ล้านบาท โดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับกฎหมายต่าง ๆ เช่น มาตรา 6 และมาตรา 7 แห่ง พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561
7. ช่วงเวลาการดำเนินโครงการ ประชาชนและร้านค้าจะสามารถเข้าร่วมโครงการฯ ภายในไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 และจะมีการเริ่มใช้จ่ายภายในไตรมาสที่ 4 ของปี 2567
8. มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการด้านการตรวจสอบการกระทำที่อาจเข้าข่ายผิดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการฯ โดยมีผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นประธาน และผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ผู้บัญชาการสำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ และผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นอนุกรรมการและเลขานุการร่วม ซึ่งจะมีหน้าที่หลักในการตรวจสอบ วินิจฉัยเกี่ยวกับการกระทำผิดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการฯ รวมถึงการกระทำที่อาจฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
สำหรับมติที่ได้รับความเห็นชอบในวันนี้ กระทรวงการคลัง จะนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไปภายในเดือนเมษายน 2567
สำหรับความคุ้มค่าในการดำเนินโครงการฯ การให้สิทธิแก่ประชาชน จำนวน 50 ล้านคน คิดเป็นจำนวนเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 5 แสนล้านบาท และกำหนดให้ใช้จ่ายในร้านค้าที่กำหนด ซึ่งจะเป็นการเติมเงินลงสู่ฐานราก โดยจะส่งผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจประมาณ 1.2 – 1.8% จากกรณีฐาน
![](https://files.ejan.co/wp-content/uploads/2024/04/1712737200_316843-ejan-1024x681.jpg)
ทั้งนี้ ภายหลังรัฐบาลแถลง นายจุลพันธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงรายละเอียดโครงการเพิ่มเติมว่า ในการถอนเงินของร้านค้านั้น รอบแรกประชาชนใช้เงินดิจิทัลผ่านร้านค้า ในระยะเวลา 6 เดือน ส่วนรอบที่สอง ร้านค้าไปใช้จ่ายผ่านร้านค้าด้วยกัน ซึ่งไม่จำกัดว่าจะเป็นร้านที่มีขนาดเล็กหรือใหญ่ ซึ่งร้านค้าทอดที่ 3 จะสามารถไปขึ้นเงินได้ เพื่อป้องกันการทุจริต ย้ำว่าทุกร้านต้องอยู่ในระบบฐานภาษี ไม่ว่าจะเป็นภาษีนิติบุคคล, ภาษีบุคคลธรรมดา
ส่วนจะเริ่มในเดือนตุลาคม ไตรมาส 4 เลยหรือไม่ นายจุลพันธ์ หัวเราะ และตอบไตรมาส 4 ก็มาถามวันกัน โดยย้ำว่าเรื่องนี้จบแล้ว ส่วนจะเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อไหร่นั้น กำหนดไว้ภายใน 1 เดือน คาดว่าจะเป็นเดือน เม.ย.
ทั้งนี้ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า นโยบาย 2 เรื่อง ทั้งดิจิทัลวอลเล็ตและกระตุ้นภาคอสังหาฯ เป็นเพียงแค่ 2 นโยบายในหลายโครงการที่เราจะทำเพิ่มต่อไป ซึ่งในระหว่างปีที่จะมาถึง เชื่อว่าจะมีนโยบายที่เป็นประโยชน์ในการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกหลายตัว แต่ยังไม่สามารถพูดได้
ข้อมูลส่วนหนึ่งจาก: สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว
คลิปอีจันแนะนำ
นายกฯ เศรษฐา ทำตามสัญญา! ดิจิทัลวอลเล็ต พร้อมแล้ว