เปิดคำพิพากษา ฆ่ายกครัว 8 ศพ

ศาลตัดสินประหาร คดีฆ่ายกครัว 8 ศพ ขณะที่ทนายบังฟัตเตรียมยื่นอุทธรณ์

ศาลตัดสินประหาร คดีฆ่ายกครัว 8 ศพ ขณะที่ทนายบังฟัตเตรียมยื่นอุทธรณ์

ภาพจากอีจัน
วันนี้(28 มีนาคม 2561) เวลา 09.00 น. ศาลจังหวัดกระบี่ ได้นัดอ่านคำพิพากษา โดยมี นายธีระยุทธ จินา ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้น ในศาลจังหวัดกระบี่ นางสาววริษฐา มงคลศิริ ผู้พิพากษาศาลจังหวัดกระบี่ และนายชัยรักษ์ จยาวรรณ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัด ขึ้นนั่งบัลลังก์ร่วม พิพากษาคดีฆ่ายกครัว 8 ศพ ซึ่งมีบรรดาญาติของผู้เสียชีวิต รวมถึงญาติของผู้ต้องหา และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.พร้อมตำรวจระดับสูง ลงมาฟังคำพิพากษาด้วยตนเอง ทั้งนี้ศาลจังหวัดกระบี่ได้เริ่มอ่านคำพิพากษาในเวลาประมาณ 10.00 น. และอ่านเสร็จสิ้นเมื่อเวลาประมาณ 11.40 น. โดยศาลได้พิพากาษตัดสินประหารชีวิตจำเลยที่ 1-6 คือ 1.นายซูริก์ฟัต บ้านนบวงศ์กุล หรือ บังฟัต อายุ 41 ปี 2.นายคมสรรค์ เวียงนนท์ (ม่อน) 3.นายอับดุลเลาะ ดอเลาะ (เลาะห์) อายุ 30 ปี. 4.นายอรุณ ทองคำ (กี้ร์) อายุ 29 ปี 5.นายประจักษ์ บุญทอย (จักร์) อายุ 36 ปี 6.นายธนชัย จำนอง (โกบ) อายุ 41 ปี ส่วนจำเลยที่ 7.นายธวัฒชัย บุญคง (ชัย) อายุ 37 ปี พิพากษาจำคุก 1 ปี 9 เดือน และ นางสาวชลิตา สังข์โชติ  อายุ 41 ปี จำเลยที่ 8 ตัดสินจำคุก 12 เดือน
ภาพจากอีจัน

ซึ่งศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์และจำเลยทั้งแปดแล้ว พิพากษาว่า การกระทำของจำเลยทั้งแปดเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ฐานเป็นซ่องโจรตามฟ้อง

และแม้ว่าจำเลยที่ 1 ถึง 6 จะรับสารภาพว่าร่วมกันฆ่าผู้อื่นและพยายามฆ่าผู้อื่น อันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา แต่จำเลยดังล่าวไม่ได้รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และจำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 มีพฤติการณ์ร่วมกันใช้อาวุธปืนจ่อยิงผู้ตายทั้ง 8 และผู้รอดชีวิตอีก 3 คน โดยมีพฤติการณ์ใช้ปืนจ่อหัวเป็นรายคน หวังจะเอาชีวิตเพื่อปิดปากถึง 11 คน ซึ่งมีทั้งผู้หญิง เด็กอายุเพียง 4 ปี 8 ปี 11 ปี 12 ปี และ 14 ปี รวมอยู่ด้วย เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตถึง 8 คน นับเป็นเหตุการณ์เศร้าสลดหดหู่ใจและสะเทือนขวัญแก่ประชาชนทั่วไปเป็นอย่างยิ่ง จำเลยดังกล่าวเป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นมาเองและลงมือกระทำความผิดอย่างอุกอาจ โหดเหี้ยม อำมหิตผิดวิสัยมนุษย์

ภาพจากอีจัน

จึงเห็นสมควรไม่ลดโทษให้ และเมื่อฐานความผิดปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายลงโทษประหารชีวิตแล้ว ไม่อาจนำโทษในกระทงอื่นๆมารวมได้อีก คงให้ประหารชีวิตจำเลยที่ 1-6 สถานเดียว

ภาพจากอีจัน


สำหรับจำเลยที่ 7 และ จำเลยที่ 8 ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า แม้จะไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนก็ตาม แต่จำเลยที่ 8 เข้ามาเกี่ยวข้องพัวพันอยู่กับเหตุการณ์ทวงหนี้มาก่อน เพียงแต่ไม่สบโอกาส ส่วนจำเลยที่ 7 ก็เข้ามาร่วมอยู่ในเหตุการณ์ครั้งนี้ แม้จะไม่ได้รู้เห็นขณะมีการฆ่าผู้อื่น แลพยายามฆ่าผู้อื่นก็ตาม แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ก่อให้เกิดปฏิบัติการครั้งนี้ พฤติการณ์นี้เป็นเรื่องร้ายแรงจึงไม่รอการลงโทษ ศาลจึงมีคำพิพากษาลงโทษ

จำเลยที่ 7 ความผิดฐานร่วมกันปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จำคุก 1 ปี ฐานมีอาวุธปืนจำคุก 6 เดือน ฐานบุกรุกในเวลากลางคืนจำคุก 3 เดือน รวมจำคุก 1 ปี 9 เดือน

ภาพจากอีจัน


ส่วนจำเลยที่ 8 ความผิดฐานมีอาวุธปืน 4 เดือน ฐานร่วมกันแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานจำคุก 8 เดือน รวมจำคุก 1 ปี

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน


สำหรับในคดีส่วนแพ่ง ให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 ร่วมกันชำระเงิน แก่ผู้ร้องที่ 1 คือ นายสนาน สังหลังและผู้ร้องที่ 2 คือนางห้าแกฉะ บุตรหลี จำนวน 630,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 13 พฤศจิกายน 2560 ซึ่งเป็นวันยื่นคำร้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้ร้องที่ 1 และที่ 2

ให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 ร่วมกันชำระเงินแก่ผู้ร้องที่ 3 คือ นายจรีย์ บุตรเติบ จำนวน 1,445,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 14 พฤศจิกายน 2560 ซึ่งเป็นวันยื่นคำร้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้ร้องที่ 3

ให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 ร่วมกันชำระเงินแก่ผู้ร้องที่ 4 คือ นางอุไร พัฒแก้ว จำนวน 962,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 14 พฤศจิกายน 2560 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้ร้องที่ 4

ให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 ร่วมกันชำระเงินแก่ผู้ร้องที่ 5 คือ นางสาวอัญชลี บุตรเติบ จำนวน 2,402,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 2,500 บาท นับแต่วันที่ 10 กรกฎาคม 2560 ซึ่งเป็นวันละเมิดเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้ร้องที่ 5

ภาพจากอีจัน

ให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 ร่วมกันชำระเงินแก่ผู้ร้องที่ 6 คือ ลูกสาวคนเล็กของนางสาวอัญชลี บุตรเติบ จำนวน 420,000 บาท แก่ผู้ร้องที่ 7 คือ ลูกสาวคนกลางของนางสาวอัญชลี บุตรเติบ จำนวน 720,000 บาท และแก่ผู้ร้องที่ 8 คือ ลูกสาวคนโตของนางสาวอัญชลี บุตรเติบ จำนวน 960,000 บาท และให้ยกคำร้องของผู้ร้องที่ 1 ถึงที่ 8 สำหรับจำเลยที่ 7 ค่าฤชาธรรมเนียมในคดีส่วนแพ่งระหว่างผู้ร้องทั้งแปดกับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 7 ให้เป็นพับ.

ภาพจากอีจัน


ขณะที่นายเกรียงศักดิ์ สารภี ทนายความของกลุ่มผู้ต้องหา กล่าวว่า หลังคำพิพากษาออกมาทางบังฟัตและกลุ่มผู้ต้องหาไม่พอใจกับคำตัดสินที่ออกมา ก็จะขอใช้สิทธิในการยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วันเพื่อต่อสู้คดีต่อไป ทั้ง 8 คน