สืบนครบาล รวบ! “ท้าวลิตา” หลอกออมเงิน-ทอง เสนอดอกเบี้ยสูงปรี๊ด

สืบนครบาล รวบ “ท้าวลิตา” หลังตามสืบมากว่า 1 ปี วีรกรรมสุดแสบหลอกให้ออมเงินออมทอง เสนอให้ดอกเบี้ยสูงปรี๊ด พอได้แล้วก็ชิ่งหนี รวมผู้เสียหายล่าสุดกว่า 40 ราย

เมื่อวันที่ (14 เม.ย. 67) กองบัญชาการตำรวจนครบาล กุมตัว น.ส.ลิตา อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับจำนวน 4 หมาย โดยจับกุมตัวได้ที่ บริเวณลานจอดรถ หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง ต.โพสะ อ.เมืองอ่างทอง จ.อ่างทอง

สืบเนื่องมาจากเมื่อประมาณเดือนต้นเดือนตุลาคม 2564 ขณะที่ผู้เสียหายกำลังพักผ่อนและเล่นเฟซบุ๊กอยู่ที่บ้านพัก ได้เห็นผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “Lita Rodphan” โพสต์เชิญชวนบุคคลทั่วไปที่อยู่ในกลุ่มเฟซบุ๊กให้ร่วมลงทุนออมเงินออมทองโดยใช้ชื่อทุนว่า “บ้านออมลิตา V.3 นายทุนราย 4 วัน” มีข้อเสนอถ้าหากลงทุน 100,000 บาท จะได้รับเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยคืนเป็นเงินจำนวน 137,000 บาท ทุกวัน จำนวน 4 วัน โดยแบ่งจ่ายวันละ 34,250 บาท โดยรับดอกเบี้ยคืนในวันรุ่งขึ้นของอีกวัน

ผู้เสียหายสนใจจึงร่วมลงทุน ทำการโอนเงิน 100,000 บาท เข้าบัญชีธนาคาร ชื่อบัญชี น.ส.ลิตา โดยโอนผ่านแอปธนาคาร หลังจากโอนเงินไปแล้วก็แจ้งให้ น.ส.ลิตา ทราบ และ น.ส.ลิตา ได้บอกว่าจะโอนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยตามข้อตกลง ต่อมาผู้เสียหายได้ร่วมลงทุนกับ น.ส.ลิตา อีกครั้ง เป็นเงินจำนวน 100,000 บาท โดยโอนผ่านแอปของธนาคารเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้เมื่อโอนเงินไปแล้ว พอถึงกำหนดคืนเงิน น.ส.ลิตา กลับไม่ยอมคืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยคืนตามที่ตกลง ผู้เสียหายพยายามติดตามทวงถาม แต่ได้รับการผลัดผ่อนเรื่อยมา และได้รับแจ้งว่าไม่มีเงินจ่ายคืนให้ ก่อนจะติดต่อไม่ได้ ผู้เสียหายจึงแจ้งความที่ สน.มีนบุรี ก่อนที่ตำรวจสืบนครบาลจะตามแกะรอยนานกว่า 1 ปี จนสามารถจับกุมตัวได้ในที่สุด

จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การรับว่า ตนได้เปิดบ้านวงแชร์ออมเงินออมทองจริง และไม่ได้คืนเงินให้กับผู้เสียหาย แต่อ้างว่าได้เงินไปลงทุนกับอีกท้าวแชร์อีกเจ้า ที่บอกให้ตนไปหาลูกค้ามาให้ และยังบอกว่า ตอนนี้กำลังขายทรัพย์สินเพื่อนำเงินไปคืนกับผู้เสียหาย แต่เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ ก่อนหน้านี้ผู้ต้องหาเคยไปทำงานเป็นแอดมินเว็บพนันในประเทศเพื่อนบ้าน ปัจจุบันหันมาประกอบอาชีพขายของออนไลน์

ทั้งนี้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ขอฝากเตือนว่า โลกปัจจุบันที่ประชาชนเข้าถึงสื่อสังคมออนไลน์มากขึ้น จึงมีมิจฉาชีพหลอกลวงประชาชนผ่านการเล่นแชร์ออนไลน์ โดยจะมีการโฆษณาชักชวน ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดยมิจฉาชีพจะอ้างว่าได้ผลกำไรสูง ในระยะเวลาสั้นๆ ซึ่งมิจฉาชีพมักจะทำให้ตายใจด้วยการจ่ายผลตอบแทนตามที่โฆษณาไว้เพื่อเป็นการหลอกให้ลงทุนสูงขึ้น และบางคนถึงขั้นไปชักชวนญาติพี่น้องและเพื่อนฝูงมาร่วมลงทุนอีกด้วย ซึ่งสุดท้ายมิจฉาชีพมักจะอ้างว่าธุรกิจขาดทุน มีปัญหา จึงไม่สามารถส่งเงินได้ตามปกติ พร้อมทั้งบอกกับผู้เสียหายว่าอย่าเพิ่งแจ้งความ สุดท้ายจะตัดการติดต่อและหลบหนีไปในที่สุด