พลิกปูมคดีแอปเปิ้ล ก่อนจะถึงวันพิพากษา
คดีแอปเปิ้ลเดินทางมาถึงความกระจ่างแล้ว!!! ตอนที่ 1
ศาลพิพากษา จำเลยทั้ง 4 กระทำความผิดจริง ไม่ใช่ “แพะ”
เมื่อแม่ตามมาสมทบและเข้าไปดูน้อง สภาพที่เห็นใครจะเชื่อว่า คนที่เพิ่งเจอกันจะถูกกระทำอย่างโหดเหี้ยมและต้องจากกันไปอย่างกะทันหัน จะเป็นน้องที่นอนจมกองเลือดอยู่ตอนนี้
แอปเปิ้ลนอนคว่ำหน้า เลือดจำนวนมากนองพื้น มีไม้ไผ่ยาวประมาณ 1 เมตร วางอยู่ไม่ห่างนัก เธอเสียชีวิตริมทาง ซึ่งเป็นซอยข้างสำนักสงฆ์ จุดเกิดเหตุที่ห่างจากถนนใหญ่เพียง 70 เมตรเท่านั้น
ส่วนกล้องอีกตัวเห็นเธอเดินลับเข้าซอย ใครจะเชื่อว่า จากนั้นไม่ถึงนาที แอปเปิ้ลก็ถูกคนร้ายฆ่าตาย ด้วยการจ้วงแทงถึง 17 แผล ซึ่งในขณะเกิดเหตุ กล้องที่ร้านค้าปากซอยยังจับภาพ เจ้าของร้านที่กำลังกวาดหน้าร้านโดยไม่ได้รู้เลย เวลาเด็กสาวที่เดินผ่านไปเมื่อนาทีก่อน กำลังถูกฆ่าตายอย่างทารุณ
ตำรวจคำนวณจากกล้องวงจรปิดพบว่า ก่อนเกิดเหตุ มีรถซาเล้งซึ่งมีคนขับและคนนั่งรวมกัน 4 คนขับเข้าซอยไป 30 วินาทีต่อมา แอปเปิ้ลเดินถึงปากซอย เธอเดินเข้าไปประมาณ 2 นาที มีรถซีอาร์วีขับตามเข้าไป ตามด้วยรถจักรยานยนต์ อีก 1 คัน ซึ่งถึงเวลานั้น คนกลุ่มนี้ก็พบร่างของแอปเปิ้ลนอนเสียชีวิตที่พื้นถนนแล้ว
ตำรวจจึงสรุปได้ว่า เหตุการณ์จ้วงแทง 17 แผล เกิดในเวลาเพียง 2 นาทีเศษเท่านั้น !!!
สิ่งที่ต้องมองหาต่อไป คือ ใคร เป็นคนก่อเหตุอันเหี้ยมโหดและรวดเร็วนี้
คนร้ายกับเหยื่อ พบกันในเวลาสั้นมาก 2 นาทีเศษ เท่านั้น
หลังก่อเหตุ แอปเปิ้ลถูกทิ้งริมถนน รอยแผลที่ถูกแทงลึกถึงตับ เธอจึงเสียเลือดมากและขาดใจตายทันที
ในเสี้ยวนาทีนั้น คนร้ายหายไปทางไหน?
วิเคราะห์ที่เกิดเหตุ:
ที่เกิดเหตุเป็นซอยยาวมีกำแพงขนาบทั้ง 2 ด้าน ไม่มีไหล่ถนน มีหญ้าเตี้ยขึ้นริมทาง
ตำรวจดูกล้องที่ร้านตรงปากซอย พบว่า หลังเกิดเหตุ ไม่มีคนวิ่งออกมาทางปากซอย ดังนั้น คนร้ายอาจวิ่งหนีเข้าไปในซอย แต่ตามไปดูกล้องวงจรปิดในซอย เลยจากที่เกิดเหตุไป ไล่เวลาให้ตรงกับช่วงเกิดเหตุ ก็พบว่า ในเวลาหลังแอปเปิ้ลถูกแทง ก็ไม่มีคนวิ่งไปทางในซอยเลย ตอนนี้จึงเหลือเส้นทางเดียว คือ ประตูด้านข้างของสำนักสงฆ์ ซึ่งทางเข้านี้อยู่ห่างจากร่างของผู้ตายเพียงไม่กี่สิบเมตร
อีจันได้พบกับ พ.ต.อ.เชิดพงษ์ ชิวปรีชา รองผู้บังคับการ ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ซึ่งในช่วงเกิดเหตุ เขารับผิดชอบควบคุมการสืบสวนคดีนี้ พ.ต.อ.เชิดพงษ์ ยืนยันว่า ภาพในกล้องวงจรปิดแม้จะเห็นไกลๆ แต่เห็นชัดว่า ผู้ตาย เดินคล้ายจะเลี้ยวเข้าประตูสำนักสงฆ์แต่เกิดอะไรขึ้นบางอย่าง จึงเปลี่ยนใจ เดินต่อไปจนเลี้ยวเข้าซอย ความผิดปกติ ทำให้เขาเชื่อว่า อาจมีเหตุบางอย่างเกิดขึ้นตรงนั้นและอาจเกี่ยวพันมาสู่การฆ่าอย่างโหดเหี้ยม
ประเด็น ฆ่าชิงทรัพย์ ดูแล้วทรัพย์สินในตัวผู้ตายมีน้อยมาก เงินมีเพียง 120 บาท ซึ่งยังอยู่ครบ ตำรวจดูทรงแล้วไม่น่าใช่
ประเด็น ฆ่าหวังข่มขืน ดูจากที่เกิดเหตุแล้ว ประกอบกับ เวลาเพิ่มทุ่มครึ่ง ซอยนั้นแม้จะมืดแต่ คนพลุกพล่าน รถเข้าออกแทบทุกนาที คิดจะลากไปข่มขืน คงยาก มุมอับก็ไม่มี เว้นจะลากเข้าสำนักสงฆ์ ซึ่งก็มีคนอยู่ ตำรวจจึงตัดประเด็นนี้ทิ้งประเด็นชู้สาว แอปเปิ้ล เป็นเด็กสาวหน้าตาดี มีเพื่อนชายคบหาอยู่บ้าง แต่เป็นการคบแบบทั่วไป แฟนคนปัจจุบันอายุ 12 ปี ศักยภาพไม่ได้ แฟนคนเก่าอายุ 17 ปี มีพยานยืนยันถิ่นที่อยู่ชัด ตัดไปประเด็นขัดแย้งในครอบครัว ไม่มีประเด็นเลย ไม่มีจริงๆเหลือประเด็นเดียว คือ เกิดเหตุซึ่งหน้าและนำพาไปสู่การฆาตกรรม แต่ใครล่ะ คือ ฆาตกร ถึงตอนนี้ย้อนกลับไปที่ทีมสืบซึ่งกำลังอยู่ในพื้นที่ ทีมสืบสวนสแกนพื้นที่ชนิดเข้าทุกบ้าน เพื่อเอาข้อมูล ใครอยู่ ใครไปไหน ใครผิดปกติ กดดันไม่นานก็มีพลเมืองดี กระซิบว่า มีเด็กพม่า ชื่อ โม ซิน อ่าว ช่วยงานอยู่ที่แพมณเฑียร
ที่ใบหน้ามีรอยข่วนเป็นทางยาว ตอนนี้ เขาไปทำงานในเรือแล้ว ให้ตำรวจลองตรวจสอบดู เบาะแสนี้น่าสนใจ อย่างน้อย โม ซิน อ่าว ตัวเล็ก มีรอยข่วนที่หน้า และใช้ชีวิตไม่ห่างสำนักสงฆ์และที่เกิดเหตุมากนัก ทางประตูเล็กด้านข้างของสำนักสงฆ์ที่อาจจะเป็นเส้นทางหลบหนีของคนร้าย หากเดินตรงไปเรื่อยๆ สุดซอยจะเป็นแพมณเฑียร จุดที่เด็กหนุ่มคนนี้ช่วยงานอยู่ นับว่ามีความสอดคล้องมากๆ ตำรวจจึงตัดสินใจขอแรงตำรวจน้ำออกตามหาเรือที่ โม ซิน อ่าว ไปทำงานในช่วงนั้น ซึ่งหากดูเวลาแล้ว ช่วงเวลานั้นก็หลังเกิดเหตุไปประมาณ 20 วันแล้ว เมื่อหาเรือพบ ในเรือไม่ได้มีแต่โม ซิน อ่าว แต่มีพี่ชายเขาด้วย ตำรวจจึงนำตัวคนทั้งสอง มาสอบถามทั้งคู่ อีจันกระซิบถามตำรวจกองปราบปรามที่เป็นคนไปเอาตัว โม ซิน อ่าว มาจากในเรือว่า เขารับสารภาพทันทีหรือไม่ ตำรวจบอกเขารับสารภาพทันที แต่ซักรายละเอียดไม่ได้เพราะ ติดขัดที่ภาษา โม ซิน อ่าว พูดไทยได้ แต่ไม่คล่องแบบคนไทย จึงต้องใช้ ล่าม การสอบสวน จึงต้องใช้วิธีที่แตกต่างไป แต่อย่างไรก็ตาม ชุดสืบสวน ก็เริ่มขบวนการซักถามนานถึง 2 วัน โม ซิน อ่าว ก็ยอมสารภาพ ตำรวจจึงปล่อยพี่ชายของเขา คำสารภาพของโม ซิน อ่าว ในตอนนั้น แม้มีคำโกหกผสมบ้างแต่ตำรวจก็เริ่มมั่นใจว่า การคลี่คลายมาถูกทางแล้วโม ซิน อ่าว สารภาพว่า รอยแผลที่หน้าเกิดจากรอยข่วน ซึ่งแอปเปิ้ลเป็นคนข่วนหน้าเขาทำให้เขาโกรธและชักมีดแทงเธอตาย!!!
คำสารภาพกับพฤติกรรมโหดที่จ้วงแทงเด็กสาวถึง 17 แผล ในเวลาเพียง 2 นาทีเศษ ช่างเป็นความจริงที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้จริง
โม ซิน อ่าว อายุ 14 ปี ทำไมจึงโหดได้ถึงเบอร์นี้ ? และนั่น คือ ข้อกังขาที่ตำรวจ ต้องพิสูจน์ให้แจ้งแก่ใจว่า คำรับสารภาพของเขาเป็นความจริงหรือไม่
โม ซิน อ่าว ยอมรับว่า เขาโกรธเพราะแอปเปิ้ล ด่าเขา คืนนั้นเขานั่งอยู่ใกล้ ประตูใหญ่ของสำนักสงฆ์ด้านที่ติดกับถนนใหญ่ ซึ่งแอบเปิ้ลผ่านมาพอดี เขาเพียงแซวว่า สบายดีไหมน้องสาว
กลับถูกด่าด้วยถ้อยคำที่รับไม่ได้ เมื่อตำรวจถามว่า ทำร่วมกับใคร โม ซิน อ่าว ตอบทันทีว่า เขาทำคนเดียว คราวนี้ ตำรวจไม่เชื่อ!!!
พยานพูดชัดว่ามี รองเท้าแตะวิ่งหลายคน
พยานในสำนักสงฆ์ บอกมีชายร่างเล็กวิ่ง 4 คน ดังนั้น ต้องมีคนร่วมอีก
เมื่อถูกซักไขว้ไปมา คนโกหกเริ่มไปไม่เป็น ในที่สุด โม ซิน อ่าว ก็เริ่มคายชื่อ เพื่อนร่วมแก๊งมาทีละทีละคน จนได้ชื่อ จอ โซ วิน, ไซ กะ เดา และ ซอ เล ทั้งหมดลงเรือไปทำงานแล้วเช่นกัน
ตำรวจจึงต้องตามไปหาตัว ไม่นานก็ได้กลับมาสอบสวนครบทุกคน
และเมื่อเข้าสู่กระบวนซักถาม คนอีก 3 คน ก็ยอมรับ สารภาพอย่างพร้อมเพรียงกัน
พวกเขารับสารภาพว่า ในช่วงเกิดเหตุ เขามานั่งเล่นที่หน้าสำนักสงฆ์ แอปเปิ้ลเดินผ่านมา
ซอ เล แซวว่า สบายดีหรือน้องสาว ก็ถูกแอปเปิ้ลด่ากลับ ทำให้ต่างรู้สึกโกรธ
โม ซิน อ่าว เดินไปหน้าสำนักสงฆ์แล้วชะโงกดูว่า สาวที่แซวเดินเลี้ยวเข้าซอยข้างสำนักสงฆ์หรือไม่ พอเห็นว่าเลี้ยวเข้า ทั้ง 4 คน ก็วิ่งจากประตูหน้าไปที่ประตูข้าง ซึ่งทะลุไปที่ซอยนั้น และนั่งดักรอจนเห็นแอปเปิ้ลเดินมา ก็เข้าไปล้อมกรอบ
โม ซิน อ่าว ถามว่า เมื่อกี้ด่าใคร?
แอปเปิ้ล บอก ด่ามึงนั่นแหล่ะ และข่วนเข้าที่หน้าอย่างแรง
โม ซิน อ่าว จึงโกรธมาก ชักมีดจ้วงแทง
จอ โซ วิน ต่อยเข้าที่หน้า
ส่วน ไซ กะ เดา ถือไม้ไผ่ที่เก็บได้จากในสำนักสงฆ์ฟาดเข้าที่หัว
มีคนกระชากมือไม่ให้แอปเปิ้ลวิ่งหนีและแทงต่อจนเธอล้มลง เขายังแทงเข้าที่หลัง จนมีเสียงเพื่อนบอกให้วิ่ง
เขาจึงวิ่งเป็นคนสุดท้าย มีคนหนึ่งรับด้วยว่า เป็นคนหยุดและปาก้อนหินใส่หมาที่เห่า
ทั้ง 4 คน วิ่งผ่านประตูข้างของสำนักสงฆ์ไปออกทางประตูเล็ก แล้วกระจายตัวแยกกันหนี ก่อนจะกลับรวมตัวกันในคืนนั้น
ตำรวจให้ทุกคนทำท่าทางในขณะร่วมกันทำร้ายให้ดู พร้อมทั้งให้เขียนแผนผัง ว่าจุดเริ่มต้นนั่ง กันอย่างไร วิ่งไปซุ่มยังไง และเข้าทำร้ายยังไง โดยถ่ายคลิปวีดีโอไว้ตลอด ไว้ซึ่งต่อมาคลิปนี้
ได้กลายเป็น หลักฐานสำคัญในชั้นศาลที่ทำให้ ศาลเชื่อว่าผู้ต้องหารับสารภาพ โดยไม่มีการ บังคับขู่เข็ญ
เวลาเพียง 2 นาที พรากลูกสาวจากอกเธอชั่วนิรันดร์
เวลาเพียง 2 นาที พรากอิสรภาพจากชีวิตเด็กพม่าทั้ง 4 คน
และเวลาเพียง 2 นาที ก็ทำน้ำตาของแม่ผู้ต้องหาอีก 4 คนไหลพราก
เพราะลูกชาย เล่าบางอย่างที่ต่างไป และทำหัวใจแม่ๆ…ร้าวราน
ทางทนายความจึงดูรายละเอียดในสำนวน และก็พบบางอย่างที่ใช้เป็นข้อต่อสู้ในคดี คือ
1. รอยแผล มีบางรอยมีลักษณะไม่สอดคล้องกับ มีด ที่งมมาได้ตามคำรับสารภาพของ โม ซิน อ่าว บางรอยเล็กไป บางรอยใหญ่ไป
2. ผลการตรวจร่างกายของผู้ต้องหา มีแผลเป็นรอยจิกที่คอ ซึ่งบางรอยแพทย์ระบุว่า แผลนี้เพิ่งเกิด 3-5 วัน แต่ผู้ต้องหาถูกจับหลังเกิดเหตุแล้ว 20 วัน ซึ่งช่วง 3-5 วัน
ผู้ต้องหา อยู่กับใคร ได้แผลมาอย่างไร มีการซ้อมทรมานหรือไม่