อนุทิน แนะอย่าตื่นกลัว หลัง สธ.จ่อให้ โควิด-19 เป็นโรคติดต่ออันตราย

อนุทิน แจงปชช.ตื่นตัวแต่อย่าตื่นกลัว หลัง สธ.จ่อเสนอโควิด-19 เป็นโรคติดต่ออันตราย ชี้ที่ผ่านมาก็จัดการได้ทุกครั้ง

วันนี้ 21 ก.พ. 2563 เฟซบุ๊ก Anutin Charnvirakul (รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข) ได้ออกมาโพสต์ชี้แจงหลังมีการเสนอให้โรค โควิด-19 เป็นโรคติดต่ออันตรายลำดับที่ 13 โดยแนะนำประชาชนว่าหากประกาศแล้ว ก็ยังคงใช้ชีวิตตามปกติเหมือนทุกวัน ตื่นตัวแต่อย่าตื่นกลัว
โดยชี้แจงว่า
การออกประกาศว่าโรคใดเป็นโรคติดต่อร้ายแรงจะทำเมื่อคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อมีมติของที่ประชุมแล้วจึงนำเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ลงนามในประกาศ คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อ ส่วนใหญ่คือแพทย์ผู้มีความชำนาญและประสบการณ์ในการรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้เป็นอย่างดี และหากจะต้องมีการประกาศให้โรค โควิด-19 เป็นโรคติดต่ออันตรายแล้ว ประชาชนทั่วไปก็ยังคงใช้ชีวิตตามปกติเหมือนทุกวัน

ภาพจากอีจัน
การประกาศ เป็นฐานให้บังคับใช้ข้อกำหนดในกฎหมาย คือ พระราชบัญญัติโรคติดต่อได้โดยสะดวก เมื่อมีความจำเป็นเช่น การประกาศว่าเมืองใดในประเทศใด เป็นเขตติดโรค เพื่อใช้มาตรการคัดกรอง หรือกักกันผู้เดินทางจากเมืองนั้นๆด้วยความเร่งด่วน ก็จะสามารถกระทำได้ทันที และการประกาศเรื่องนี้ยังผลให้เกิดความมั่นใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานว่ามีกฎหมายรองรับ ผู้ปฏิบัติหน้าที่ย่อมได้รับคุ้มครองการปฏิบัติงานหากกระทำไปด้วยเจตนารมณ์ที่สุจริตเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคเหล่านี้ ที่ผ่านมาในอดีต มีการประกาศโรคติดต่ออันตรายแล้ว 13 ครั้งได้แก่ 1. กาฬโรค 2. ไข้ทรพิษ 3. ไข้เลือดออกไครเมียนคองโก 4. ไข้เวสต์ไนล์ 5.ไข้เหลือง 6.โรคไข้ลาสซา 7.โรคติดเชื้อไวรัสนิปาห์ 8. โรคติดเชื้อไวรัสมาร์บวร์ก 9. โรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา 10. โรคติดเชื้อไวรัสเฮนดรา 11. โรคซาร์ส 12. โรคเมอร์ส 13. วัณโรคดื้อยา ชนิดรุนแรงมาก และในที่สุดเราก็จัดการกับมันได้ทุกครั้ง โรคเหล่านี้ก็ไม่เคยกลับมากล้ำกรายพวกเราอีกเลย ต่อให้มันกลับมา เราก็มีความสามารถที่จะจัดการกับมันได้ สรุป การประกาศนี้ทำให้เจ้าหน้าที่การสาธารณสุขสามารถปฏิบัติงานได้คล่องตัวมากยิ่งขึ้น ส่งผลดีและเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน ไม่มีอะไรต้องหวั่นหรือวิตก ก่อนจะทิ้งท้ายไว้ว่า ตื่นตัวแต่อย่าตื่นกลัว ขอให้เชื่อถือเฉพาะข่าวสารและข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขที่มีการแถลงต่อพี่น้องประชาชนทุกวันเป็นสำคัญ